คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์ จำเลยที่ 1 กับ ส. สมคบกันเอาเงินสดของโจทก์ไป และนำเช็คมาเข้าบัญชีไว้แทนขอให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินให้โจทก์ ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า จำเลยที่ 1 กระทำทุจริตต่อโจทก์หรือไม่ ซึ่งหมายถึงว่าจำเลยได้ทุจริตเอาเงินของโจทก์ไปหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เอาเงินของโจทก์ไปเลย เพียงแต่จำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อเท่านั้น โจทก์มิได้ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายเพราะเหตุจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ ดังนี้ศาลจะพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินให้โจทก์ตามฟ้องไม่ได้ เพราะเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างโจทก์ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ ๑ ในการเข้าทำงานกับโจทก์ ขณะที่จำเลยที่ ๑ยังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแผนกคลังเงินของโจทก์ ได้รับเช็คจำนวนเงิน ๑๓๕,๘๘๘ บาท จากนายสอาด สุวรรณพิทักษ์ พนักงานของโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำเงินมาส่งให้โจทก์ จำเลยที่ ๑ นำเช็คเข้าธนาคารตามหน้าที่แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน หน้าที่ของจำเลยที่ ๑ จะต้องรายงานให้นางพิรุณ นายนามกับโจทก์ทราบ แต่จำเลยที่ ๑ ทำการทุจริตต่อหน้าที่ของตัวแทน โดยเก็บเช็คดังกล่าวไม่รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น โจทก์สอบสวนทราบว่าจำเลยที่ ๑ กับนายสอาดได้ร่วมมือสมคบกันเอาเงินสดไปและนำเช็คดังกล่าวแล้วมาเข้าบัญชีแทนขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ใช้เงินให้โจทก์ หากจำเลยที่ ๑ ไม่ใช้ก็ให้จำเลยที่ ๒ ร่วมกันและแทนกันกับจำเลยที่ ๑ ใช้เงินค่าค้ำประกันให้โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ ๑ มิได้มีหน้าที่กระทำการแทนโจทก์ดังโจทก์ฟ้องและมิได้กระทำการทุจริตต่อหน้าที่การงานแต่อย่างใด เช็คที่โจทก์ฟ้องหากจำเลยที่ ๑ รับไว้แล้วไม่มีเงินเป็นเรื่องของโจทก์จะจัดการเร่งรัดเรียกร้องเอาจากผู้ออกเช็ค จำเลยไม่ต้องรับผิดโจทก์ฟ้องนายสอาดผู้ออกเช็ค และศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีแล้ว ถือว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้แล้วหมดสิทธิฟ้องจำเลยเป็นฟ้องซ้ำ จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่าไม่ต้องรับผิด เพราะไม่เข้าเงื่อนไขสัญญาค้ำประกัน คดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงิน ๑๓๑,๕๑๖.๑๐ บาทให้โจทก์ ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ใช้ ให้จำเลยที่ ๒ ใช้แทน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า กรณีเป็นเรื่องละเมิด คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๑ รับเช็คไว้ตามหน้าที่หัวหน้าแผนกคลังเงินเมื่อเบิกเงินตามเช็คไม่ได้ ก็ยอมให้มีการเปลี่ยนเช็คถึง ๗ ฉบับโดยพลการ ไม่แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จนนายสอาดผู้สลักหลังเช็คและมอบเช็คให้จำเลยที่ ๑ หลบหนีไปจึงแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบพฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่าจำเลยที่ ๑ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ หาได้เอาเงินของโจทก์ไปไม่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ กับนายสอาดได้สมคบกันเอาเงินสด ๑๓๕,๘๘๘ บาทของโจทก์ไป นำเช็คมาเข้าบัญชีไว้แทนศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า จำเลยที่ ๑ ได้กระทำการทุจริตต่อโจทก์หรือไม่ ซึ่งย่อมหมายความว่าศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่าจำเลยที่ ๑ ได้ทุจริตเอาเงินของโจทก์ไปหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ได้เอาเงินของโจทก์ไปเลย เพียงแต่จำเลยที่ ๑ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อเท่านั้น โจทก์มิได้ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเพราะเหตุจำเลยที่ ๑ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ ศาลจึงพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินให้โจทก์ไม่ได้เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน

Share