แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ช. ถูกจำเลยที่ 2 กับพวกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ เมื่อ ส. นำเงินค่าไถ่ไปมอบให้จำเลยที่ 2 และพวกนั้นจำเลยที่ 1 ซึ่งมีอาวุธปืนได้อยู่ด้วยโดยได้ช่วยรับและนับเงินค่าไถ่ หลังจากนั้นจึงได้จัดการปล่อยตัว ช.ให้เป็นอิสระ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 และพวกในการกระทำความผิดด้วย
ศาลชั้นต้นวางโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 ประกอบด้วยมาตรา 316, 53 โดยให้จำคุก 20 ปีแสดงว่าใช้โทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นเกณฑ์ในการคำนวณโทษ แต่ตามมาตรา 316 จะลงโทษน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของโทษดังกล่าวหาได้ไม่ โทษจำคุก 20 ปีที่ศาลชั้นต้นกำหนดมาจึงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของโทษจำคุกตลอดชีวิตซึ่งไม่ถูกต้องแต่โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงไม่อาจกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ให้สูงขึ้นอีกได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันกระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ
ก. จำเลยกับพวกมีอาวุธปืนติดตัวคนละกระบอกได้ร่วมกันปล้นเอาเงินรถแทรกเตอร์ รถยนต์บรรทุก ของนายจิวซั้ว ซึ่งอยู่ในความครอบครองของนายโชคชัย นายเสงี่ยม และนายจิ้งจ่ายไป
ข. จำเลยกับพวกได้ร่วมกันจับเอาตัวนายโชคชัยและนายเสงี่ยมไปหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้และเรียกเงินค่าไถ่
ค. จำเลยกับพวกได้ร่วมกันปล้นเอาสร้อยคอ นาฬิกาข้อมือ แหวนและเงินของนายโชคชัยไป
ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 340, 340 ตรี, 313 ให้จำเลยคืนหรอใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่ระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 2 ขอถอนคำให้การเดิม และให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 313 ประกอบด้วยมาตรา 316, 53 จำคุกคนละ 20 ปี และจำเลยที่ 2มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง, 340 ตรี สองกระทงจำคุกกระทงละ 22 ปี 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 65 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด43 ปี 4 เดือน ให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในการที่นายเสงี่ยมนำเงินไปมอบให้จำเลยที่ 2 และพวกนั้น จำเลยที่ 1 ได้อยู่กับจำเลยที่ 2 ที่บ้านนายดวงด้วย ได้ช่วยนับเงินและบอกแก่นายเสงี่ยมว่าครบแล้ว หลังจากนั้นจึงได้จัดการปล่อยตัวนายโชคชัยให้เป็นอิสระพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ไปช่วยจำเลยที่ 2 รับและนับเงินค่าไถ่โดยมีอาวุธปืนไปด้วยเช่นนี้ ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 และพวกในการจับเอาตัวนายโชคชัยและนายเสงี่ยมไปหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้เพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ จำเลยที่ 1จึงมีความผิดดังคำพิพากษาศาลชั้นต้น
อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นวางโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 ประกอบด้วยมาตรา 316, 53 โดยให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด20 ปีนั้น แสดงว่าศาลชั้นต้นใช้โทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นเกณฑ์ในการคำนวณโทษ แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 316 จะลงโทษน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของโทษดังกล่าวหาได้ไม่ โทษจำคุก 20 ปีที่ศาลชั้นต้นกำหนดมาจึงเป็นโทษที่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของโทษจำคุกตลอดชีวิตซึ่งไม่ถูกต้อง แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงไม่อาจกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ให้สูงขึ้นอีกได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น