คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3074/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

จำเลยชกต่อยผู้เสียหายที่บริเวณหน้าอกหลายครั้งแพทย์ตรวจร่างกายผู้เสียหายแล้วไม่พบบาดแผลและไม่มีรอยพกช้ำเพียงแต่ผู้เสียหายบอกว่าเจ็บที่หน้าอกเวลากดแพทย์จึงมีความเห็นว่ากล้ามเนื้อที่หน้าอกช้ำรักษาประมาณ5วันหายลักษณะบาดแผลเช่นนี้ยังไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา295การกระทำของจำเลยเป็นเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา391เท่านั้น การที่ม.พี่ของจำเลยทราบจากคนอื่นพูดกันว่าผู้เสียหายพูดจาดูหมิ่นมารดาของจำเลยเมื่อพบผู้เสียหายม.จึงเข้าไปสอบถามแล้วทันใดนั้นจำเลยก็เข้ามาชกต่อยผู้เสียหายทันทีโดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้พูดจาดูหมิ่นมารดาจำเลยในขณะเกิดเหตุกรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปเพราะบันดาลโทสะ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 1 คน ร่วมกันชิงทรัพย์ผู้เสียหาย โดยใช้อาวุธปืนขู่เข็ญผู้เสียหายว่าจะยิงให้ตาย และใช้กำลังประทุษร้ายชกต่อยผู้เสียหายที่บริเวณหน้าอกขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 340 ตรี จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคแรก , 340 ตรี ลงโทษจำคุก 7 ปี 6 เดือน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ลดโทษแล้วคงจำคุก 4 เดือน ยกฟ้องข้อหาชิงทรัพย์ จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายนั้น ปรากฏบาดแผลของผู้เสียหายตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องว่า กดเจ็บบริเวณทรวงอก ไม่มีบาดแผล กล้ามเนื้อช้ำ ระยะแรกในการรักษาประมาณ 5 วัน ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อน และแพทย์ผู้ตาวจเบิกความว่า ได้ตรวจร่างกายผู้เสียหาย ไม่พบบาดแผล แต่ผู้เสียหายบอกว่าเจ็บตรงกลางหน้าอกจึงมีความเห็นว่ากล้ามเนื้อที่หน้าอกช้ำ รักษาประมาณ 5 วันหายเมื่อผู้เสียหายเพียงแต่เจ็บที่หน้าอกเวลากด ไม่มีรอยฟกช้ำแต่อย่างใดลักษณะเช่นนี้ ถือว่าบาดแผลผู้เสียหายยังไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 การกระทำของจำเลยเป็นเพียงทำร้ายผู้เสียหายโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 สำหรับข้อที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยกระทำไปเพราะบันดาลโทสะนั้น ปรากฏว่า ม. พี่ของจำเลยทราบจากคนอื่นพูดกันว่าผู้เสียหายพูดจาดูหมิ่นมารดาของตน เมื่อพบผู้เสียหายยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ ม. จึงเดินเข้าไปสอบถามทันใดนั้นจำเลยก็เข้ามาชกต่อยผู้เสียหายทันที ซึ่งไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้พูดจากดูหมิ่นมารดาจำเลยในขณะเกิดเหตุ กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปเพราะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และกระทำต่อผู้เสียหายในขณะที่พูดดูหมิ่นมารดาจำเลย พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391จำคุก 20 วัน ปรับ 600 บาท รอการลงโทษจำคุกไว้ 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share