คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เช่าที่ของราชพัสดุแล้วปลูกห้องพิพาทให้จำเลยเช่าตอนนี้จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แต่ต่อมาโจทก์หย่ากับสามี และแบ่งทรัพย์กัน โดยโจทก์ยกห้องพิพาทให้แก่สามีโจทก์ สามีโจทก์ขายห้องนี้ให้กับจำเลย การเช่าระหว่างโจทก์ จำเลยจึงขาดตอนไม่ติดต่อกันอีก จะใช้พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ มาบังคับโจทก์ในตอนหลังนี้ย่อมไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เช่าที่ดินของราชพัสดุกระทรวงการคลังและได้ปลูกห้องแถวให้เช่า ต่อมาโจทก์หย่าขาดกับสามี และได้แบ่งห้องแถว ซึ่งปลูกในที่ดินนี้ให้แก่สามีโจทก์ 2 ห้อง ต่อมาสามีโจทก์ได้ขายห้องแถว 2 ห้องนี้ให้แก่จำเลย ๆ ซื้อแล้วหารื้อถอนไปไม่จึงขอให้จำเลยรื้อถอนห้องแถวทั้ง 2 ห้องออกจากที่ดิน จำเลยให้การว่าจำเลยได้เช่าห้อง 2 ห้องนี้ ใช้เป็นที่อยู่อาศัยมานาน 10 ปีแล้วเมื่อโจทก์หย่าขาดกับสามีได้แบ่งห้องแถวกัน แล้วสามีโจทก์ได้ขายห้องแถวแก่จำเลย และสัญญาว่า ยอมให้จำเลยเช่าที่ดินอยู่ต่อไปโดยให้จำเลยเสียค่าเช่าล่วงหน้า จำเลยได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายควบคุมค่าเช่าฯ คู่ความรับกันในข้อเท็จจริงแล้ว ต่างไม่สืบพยาน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนห้องแถว 2 ห้องนี้

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ในชั้นแรกจำเลยเช่าห้องจากโจทก์ จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แต่จำเลยเองรับว่า บัดนี้ห้องแถวที่จำเลยเช่าอยู่อาศัยจากโจทก์นั้น โจทก์ได้ยกให้กับสามีโจทก์เมื่อหย่าขาดจากกัน แล้วสามีโจทก์ได้ขายห้องที่จำเลยเช่าให้แก่จำเลย ห้องที่จำเลยซื้อไว้ จึงมิใช่เป็นของโจทก์แล้วโจทก์ไม่มีสิทธิจะให้จำเลยเช่าห้องอันมิใช่เป็นของโจทก์อีกการเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงไม่ติดต่อกัน จะใช้พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ มาบังคับแก่โจทก์ในคดีนี้ ไม่ได้

พิพากษายืน

Share