แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมใช้ให้น. พูดโทรศัพท์กับจำเลยแล้วจำเลยกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมทางโทรศัพท์การกระทำของโจทก์ร่วมไม่ถือว่ามีส่วนก่อให้เกิดการกระทำผิดของจำเลยดังนี้โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายตามป.วิ.อ.มาตรา2(4).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม2519 ข้อ 7
จำเลยให้การปฏิเสธ
ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 1,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ในชั้นฎีกามีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยแต่เพียงว่า การที่โจทก์ร่วมใช้ให้นางสาวโนรี ถนอมศิลป์ พูดโทรศัพท์กับจำเลยแล้ว จำเลยกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมทางโทรศัพท์นั้น จะถือว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำผิดด้วยหรือไม่
ปัญหานี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…การที่โจทก์ร่วมใช้ให้นางสาวโนรี ถนอมศิลป์ พูดโทรศัพท์กับจำเลย แล้วจำเลยกล่าวถ้อยคำอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมทางโทรศัพท์นั้นจะถือว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำผิดด้วยหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าการที่โจทก์ร่วมใช้ให้นางสาวโนรีโทรศัพท์พูดกับจำเลยนั้นไม่ใช่การใช้ให้นางสาวโนรีบอกจำเลยให้จำเลยกล่าวถ้อยคำที่เป็นหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมให้นางสาวโนรีฟัง การกล่าวถ้อยคำที่เป็นหมิ่นประมาทนั้นจำเลยกล่าวขึ้นเอง ไม่เกี่ยวกับการกระทำของโจทก์ร่วมหรือนางสาวโนรีจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมมีส่วนก่อให้เกิดการกระทำผิดของจำเลยอันจะถือว่าโจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหายดังที่จำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.