คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามหนังสือบริคณห์สนธิของจำเลยที่ 3 ปรากฏในข้อ 3(6) ว่ามีวัตถุประสงค์ในการจำนอง ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับการค้าประกันเพื่อชำระหนี้ ดังนี้ ต้องถือว่าการค้ำประกันอยู่ในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 3 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ได้ทำสัญญาขายลดเช็คให้ไว้แก่โจทก์รวมเป็นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท โดยจำเลยที่ ๒ ในฐานะส่วนตัวจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ได้ทำสัญญาค้ำประกันรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ ๑ ได้นำเช็ค ๓ ฉบับ รวมเป็นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท มาขายลดให้โจทก์ตามสัญญาขายลดเช็ค เมื่อเช็คแต่ละฉบับถึงกำหนดชำระ โจทก์นำเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินทั้งสามฉบับ โจทก์ทวงถามจำเลยทั้งสี่เพิกเฉย จำเลยทั้งสี่ต้องร่วมกันใช้ดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ ๑๒ ต่อปี ตามสัญญาขายลดเช็ค ดอกเบี้ยนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินถึงวันฟ้องรวม ๓๖,๐๐๐ บาท เมื่อรวมกับต้นเงินตามเช็ค ๓๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินที่จำเลยทั้งสี่จะต้องชำระให้โจทก์ ๓๓๖,๐๐๐ บาท ขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๒ ต่อปีในต้นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๓ ให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๓ เป็นนิติบุคคล ไม่มีวัตถุประสงค์ทำการค้ำประกัน สัญญาขายลดเช็ค แม้ได้กระทำในนามของจำเลยที่ ๓ ก็ไม่ผูกพันจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๓ ไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ ๔ ให้การว่า สัญญาค้ำประกันเป็นโมฆะ ทั้งจำเลยที่ ๔ ได้มีหนังสือแจ้งขอถอนการค้ำประกันจำเลยที่ ๑ แล้ว สัญญาค้ำประกันจึงเป็นอันระงับไปไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ ๔
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระหนี้ ๓๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๒ ต่อปี ในต้นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๘ ในต้นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๑๘ และในต้นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๑๘ จนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยที่ ๓ ที่ ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๓ ฎีกาว่าสัญญาค้ำประกันไม่มีผลผูกพันจำเลยที่๓ เพราะนอกวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้วัตถุประสงค์ของจำเลยที่ ๓ ตามที่กำหนดในหนังสือบริคณห์สนธิจะมิได้กล่าวถึงการค้ำประกัน แต่ปรากฏตามข้อ ๓ (๖) แห่งหนังสือบริคณห์สนธิของจำเลยที่ ๓ ว่า มีวัตถุประสงค์ในการจำนอง ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับการค้ำประกันเพื่อชำระหนี้ ดังนี้ ถือว่าการค้ำประกันอยู่ในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ ๓ ด้วย จำเลยที่ ๓ ค้ำประกันได้ และต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ ๑
พิพากษายืน

Share