คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2903/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ตามสัญญาเช่าซื้อระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 จะมีข้อความระบุถึงความรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินที่เช่าซื้อโดยผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดชอบฝ่ายเดียวก็ตาม ข้อสัญญาดังกล่าวก็เป็นแต่เพียงข้อสัญญาที่กำหนดขึ้นเพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้ากับทรัพย์สินที่เช่าซื้อ ยังไม่พอที่จะถือว่าผู้ร้องต้องการแต่ราคาค่าเช่าซื้อเป็นสำคัญและใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ผู้ร้องเพิ่งทราบจากเจ้าพนักงานตำรวจว่ารถจักรยานยนต์ของกลางถูกยึดหลังจากผู้เช่าซื้อขาดผ่อนชำระเพียงงวดเดียวก็รีบมาร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางทันที เชื่อได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยที่ 2

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 340 ตรี, 83 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้องและริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดดังกล่าว ขอให้สั่งคืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยที่ 2 หรือไม่ เห็นว่า แม้ตามสัญญาเช่าซื้อระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 จะมีข้อความระบุถึงความรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์ที่เช่าซื้อโดยผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดชอบฝ่ายเดียวก็ตาม ข้อสัญญาดังกล่าวก็เป็นแต่เพียงข้อสัญญาที่กำหนดขึ้นเพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้ากับทรัพย์สินที่เช่าซื้อ ยังไม่พอที่จะถือว่าผู้ร้องต้องการแต่ราคาเช่าซื้อเป็นสำคัญและใช้สิทธิโดยไม่สุจริตดังศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมา ทั้งปรากฏว่าผู้ร้องเพิ่งทราบจากเจ้าพนักงานตำรวจว่ารถจักรยานยนต์ของกลางถูกยึดหลังจากผู้เช่าซื้อขาดผ่อนชำระเพียงงวดเดียว ผู้ร้องก็ได้รีบมาร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางทันทีคดีมีหลักฐานและเหตุผลให้เชื่อได้ว่า ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยที่ 2
พิพากษากลับ ให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง

Share