แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมายเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ามาในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ส่วนฎีกานอกนั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จำเลยจะเพิ่งยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบและเป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาพึงวินิจฉัยโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 84)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน110,000 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่ วันที่ 10 เมษายน 2533 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง(14 มีนาคม 2534) ต้องไม่เกิน 7,562.50 บาท
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 75)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ โดยมิได้ชำระค่าคำร้อง และมิได้นำเงิน มาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล (อันดับ 78)
คำสั่ง
จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหา ประกันมาวางศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วย มาตรา 247 จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย