คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2534

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีและพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองโดยมิได้รับอนุญาต จำคุกไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต และขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตในสถานเบาเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33, 80, 91, 288, 289, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519ข้อ 3, 6, 7 และริบของกลาง จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ให้การปฏิเสธในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นและข้อหาพาอาวุธปืน ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 จำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 6 ปี8 เดือน และจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ.2490 มาตรา 72, 72 ทวิ สำหรับความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ จำคุก 6 เดือน คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก4 เดือน เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวมจำคุก 7 ปี 6 เดือนให้ริบของกลาง คำขออื่นให้ยก จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว สำหรับความผิดฐานมีไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ปรากฏว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวโดยจำคุกไม่เกิน 5 ปีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ที่จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตและขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตในสถานเบานั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยคดีคงมีปัญหามาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาเฉพาะความผิดฐานพยายามฆ่าว่า จำเลยได้กระทำความผิดดังกล่าวหรือไม่ ข้อเท็จจริงจึงเชื่อได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้เสียหายที่จำเลยนำสืบว่าถูกเจ้าพนักงานตำรวจขู่บังคับให้รับสารภาพนั้น ก็มีแต่ตัวจำเลยเบิกความลอย ๆ จึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้การที่จำเลยใช้อาวุธปืนของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่สามารถใช้ยิงทำอันตรายต่อชีวิตได้ยิงผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ชีวิตเพราะกระสุนปืนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ เป็นการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย”
พิพากษายืน

Share