คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีคน 5-6 คนถือไม้วิ่งไล่ทำร้ายจำเลยมาอย่างกระชั้นชิด จำเลยจำเป็นที่จะต้องวิ่งหนีไปทางที่ซึ่งกำลังมีพิธีแต่งงาน คนในนั้นคนหนึ่งลุกขึ้นกั้นไว้ จำเลยแทงตาย ดังนี้เป็นการกระทำโดยจำเป็นแต่เกินกว่าเหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
จำเลยให้การว่า กระทำไปโดยไม่มีเจตนา และเพื่อป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๒๔๙ จำคุก ๒๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยกระทำโดยจำเป็นเพื่อป้องกันตัวเองให้พ้นภัยภยันตรายอันร้ายแรงตาม มาตรา ๔๙ (๒) แต่ทำเกินแก่เหตุ จึงพิพากษาลงโทษตาม มาตรา ๕๓,๒๕๑ จำคุก ๒ ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ถูกกระทำร้ายในขณะที่กำลังกินอาหาร โดยจำเลยมิได้เป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น จำเลยวิ่งหนีจากเรือนหลังตะวันออกไปทางเรือนหลังที่ผู้อยู่ ผู้ตายได้ทำการขัดขวางจำเลยในขณะที่มีคน ๕-๖ คนถือไม้วิ่งไล่ทำร้ายจำเลยอยู่อย่างกระชั้นชิดติดๆ กันไป นับได้ว่าจำเลยกำลังตกอยู่ในภยันตรายอันร้ายแรงทั้งเป็นเวลากระทันหันอันจะหลีกเลี่ยงไปทางอื่นให้พ้นท่วงทีไม่ได้ จึงเป็นความจำเป็นของจำเลยที่จะต้องผ่านไปทางที่ผู้ตายขัดขวาง การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตาย ๑ ทีเพื่อหลบหนีภัยตามเหตุที่ปรากฎ จึงยังไม่พอสันนิษฐานว่า จำเลยจงใจเจตนาฆ่าผู้ตาย แต่เห็นว่าการกระทำของจำเลยเกินสมควรแก่เหตุไปมาก กล่าวคือเพียงแต่ผู้ตายขัดขวางมิให้ผ่านไป ถ้าจำเลยใช้กำลังนักโทษขืนเข้าไปก็ยังทำไม่ได้ มิบังควรต้องใช้อาวุธมีดแทงจนเกิดเป็นคดีฆาตกรรม เห็นว่าควรลงโทษจำเลยให้หนักกว่าที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจึงพิพากษาแก้เป็นจำคุก ๗ ปี

Share