คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2627/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความเมื่อโจทก์ถอนฟ้อง ศาลย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ตามที่เห็นสมควร โดยสั่งลงไว้ในคำสั่งจำหน่ายคดีออกจาก
สารบบความนั้นไม่จำต้องทำเป็นคำพิพากษา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายในเหตุผิดสัญญา
จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้คดีหลายประการ
ศาลชั้นต้นเลื่อนกำหนดนัดสืบพยานโจทก์มาหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายก่อนถึงวันนัด โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จำเลยไม่ค้านแต่แถลงว่าหากศาลอนุญาตก็ขอให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายตามสมควรให้แก่จำเลยที่ ๒ ด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง จำหน่ายคดี และให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมกับค่าทนายความรวมกันหนึ่งหมื่นบาทแทนจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๖๑ ศาลจะให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียค่าฤชาธรรมเนียมจะต้องมีคำพิพากษาและโดยเป็นคำพิพากษาเท่านั้น มิได้บัญญัติให้อำนาจศาลในการที่จะสั่งให้คู่ความเสียค่าฤชา
ธรรมเนียมโดยทำเป็นคำสั่งในกรณีอนุญาตให้ถอนฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีที่ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อโจทก์ถอนฟ้องนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๓๒ บัญญัติให้อำนาจศาลกำหนดเงื่อนไขในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามที่เห็นสมควร และมาตรา ๑๖๗ บัญญัติว่า “คำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมนั้น ไม่ว่าคู่ความทั้งปวงหรือแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจักมีคำขอหรือไม่ก็ดี ให้ศาลสั่งลงไว้ ฯลฯ ในคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ฯลฯ” ดังนั้น การที่ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเมื่อโจทก์ถอนฟ้อง ศาลย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลยพินิจกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้ค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งรวมทั้งค่าทนายความแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ตามที่เห็นสมควรโดยสั่งลงไว้ในคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความนั้นได้ กรณีหาจำต้องทำเป็นคำพิพากษาดังโจทก์ฎีกาไม่
พิพากษายืน

Share