คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3050/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า RAPETTI ในประเทศไทยก่อนโจทก์ แต่โจทก์เป็นผู้คิดเครื่องหมายการค้าคำว่า RAPETTIขึ้นใช้กับสินค้าของตนและได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวในต่างประเทศไว้หลายประเทศ โจทก์ได้ขายสินค้าโดยใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวก่อนจำเลยหลายปี ทั้งบริษัทที่จำเลยเป็นกรรมการอยู่ก็เคยรับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวจากโจทก์มาขายในประเทศไทยด้วย โจทก์ย่อมมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า RAPETTI ดีกว่าจำเลย จำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวในประเทศไทยก่อนโจทก์เพื่อแสดงว่าจำเลยมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดังกล่าวดีกว่าโจทก์ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 มาตรา 41(1) ซึ่งใช้บังคับในขณะเกิดข้อพิพาทคดีนี้ ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในชั้นชี้สองสถานว่า คำให้การของจำเลยเรื่องอายุความไม่ชัดแจ้ง จึงไม่กำหนดเป็นประเด็นให้ จำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาดังกล่าว ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วจำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ประเด็นเรื่องอายุความอีกทั้งเรื่องดังกล่าวมิใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในเรื่องอายุความดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของชื่อทางการค้าและเครื่องหมายการค้าอักษรโรมันคำว่า RAPETTI ใช้กับสินค้าประเภทก๊อกน้ำ อุปกรณ์เกี่ยวกับก๊อกน้ำ เป็นที่รู้จักแพร่หลายของสาธารณชนทั่วไปทั้งในและต่างประเทศมานานกว่า 10 ปี เมื่อโจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าอักษรโรมันคำว่า RAPETTIใช้กับสินค้าจำนวน 13 ซึ่งรวมถึงก๊อกน้ำด้วย นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าไม่รับจดทะเบียนให้เนื่องจากเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าที่จำเลยจดทะเบียนไว้ก่อนแล้วโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าอักษรโรมันคำว่า RAPETTI ดีกว่าจำเลยก่อนจำเลยยื่นคำขอจดทะเบียน จำเลยรู้จักเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของโจทก์แล้ว การที่จำเลยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเดียวกันหรือเหมือนกันกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ และใช้กับสินค้าจำพวกเดียวกันเป็นการลวงสาธารณชนให้สับสนและหลงผิดว่าสินค้าของจำเลยเป็นสินค้าของโจทก์ หรือโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมอยู่ด้วยขอให้พิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าอักษรโรมันคำว่า RAPETTI แต่เพียงผู้เดียว และมีสิทธิดีกว่าจำเลย ให้จำเลยถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ 83198 หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่รู้ถึงสิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ จำเลยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวก่อนโจทก์สิทธิของจำเลยย่อมดีกว่าโจทก์ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวจำเลยแจ้งให้ตัวแทนของโจทก์ทราบแล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้านและฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า RAPETTI ดีกว่าจำเลย ให้จำเลยเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ 83198 หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อแรกว่า แม้โจทก์จะใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์มาก่อนจำเลย แต่จำเลยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าแล้วจำเลยย่อมมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดังกล่าวดีกว่าโจทก์นั้นเห็นว่า โจทก์เป็นผู้ติดเครื่องหมายการค้าคำว่า RAPETTI ขึ้นใช้กับสินค้าของตนและได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวในต่างประเทศไว้หลายประเทศ โจทก์ได้ขายสินค้าโดยใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวก่อนจำเลยหลายปี ทั้งบริษัทที่จำเลยเป็นกรรมการอยู่ก็เคยรับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวจากโจทก์มาขายในประเทศไทยด้วยโจทก์ย่อมมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า RAPETTI ดีกว่าจำเลยจำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวในประเทศไทยก่อนโจทก์เพื่อแสดงว่าจำเลยมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดังกล่าวดีกว่าโจทก์ เพราะพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474มาตรา 41(1) ซึ่งใช้บังคับในขณะเกิดข้อพิพาทคดีนี้บัญญัติว่าทะเบียนเครื่องหมายการค้า ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนได้ เมื่อผู้มีส่วนได้เสียได้ยื่นคำร้องและแสดงได้ว่าผู้ร้องมีสิทธิในเครื่องหมายการค้านั้นดีกว่าผู้ที่ได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของ ถ้าถือตามที่จำเลยฎีกาข้างต้นแล้ว บทบัญญัติในมาตราดังกล่าวก็ย่อมไม่มีทางนำมาใช้ได้
ปัญหาข้อสุดท้าย จำเลยฎีกาว่า จำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้คดีแล้ว เรื่องอายุความเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์จะไม่รับวินิจฉัยไม่ได้ เห็นว่า ปัญหาเรื่องอายุความศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในชั้นชี้สองสถานว่า คำให้การของจำเลยในส่วนนี้ไม่ชัดแจ้ง จึงไม่กำหนดเป็นประเด็นให้ จำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาดังกล่าว ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วจำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ประเด็นเรื่องอายุความอีกทั้งเรื่องดังกล่าวมิใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่จำเลยอุทธรณ์ว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความและศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้นั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share