คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3050/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 49 ที่บัญญัติให้จ่ายค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาแก่เจ้าของลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งนั้น เป็นบทบัญญัติพิเศษซึ่งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องในคดีอาญาและไม่มีกฎหมายใดบังคับให้โจทก์ต้องระบุขอเงินค่าปรับดังกล่าวมาในคำขอท้ายฟ้องคดีอาญา โจทก์ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จึงมีสิทธิขอรับเงินดังกล่าวได้แม้จะมิได้ขอไว้ในคำขอท้ายฟ้อง และศาลมิได้พิพากษาให้จ่าย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองว่า ละเมิดลิขสิทธิ์ในบทเพลงของโจทก์ ศาลพิพากษาถึงที่สุด ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 45 วัน และปรับคนละ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งจ่ายเงินค่าปรับจำนวนกึ่งหนึ่งให้แก่โจทก์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 49
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์มิได้มีคำขอมาในฟ้อง และศาลมิได้พิพากษาให้จ่าย จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จะขอรับเงินค่าปรับที่จำเลยชำระตามคำพิพากษากึ่งหนึ่ง โดยโจทก์มิได้ขอไว้ในคำขอท้ายฟ้อง และศาลมิได้พิพากษาให้จ่ายได้หรือไม่ ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 49 บัญญัติว่า “ค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาให้จ่ายแก่เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นจำนวนกึ่งหนึ่งแต่ทั้งนี้ไม่เป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งสำหรับส่วนที่เกินจำนวนค่าปรับที่เจ้าของลิขสิทธิ์ได้รับแล้วนั้น” เป็นบทบัญญัติให้สิทธิแก่ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในเงินค่าปรับที่จำเลยได้ชำระตามคำพิพากษาจำนวนกึ่งหนึ่งเพื่อบรรเทาความเสียหายและให้ถือเป็นการชดใช้ค่าเสียหายในทางแพ่งส่วนหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นบทบัญญัติพิเศษซึ่งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องในคดีอาญา และไม่มีกฎหมายใดบังคับให้โจทก์ต้องระบุขอเงินค่าปรับดังกล่าวมาในคำขอท้ายฟ้องคดีอาญาแต่อย่างใดฉะนั้น โจทก์ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จึงมีสิทธิขอรับเงินค่าปรับที่จำเลยชำระตามคำพิพากษากึ่งหนึ่งได้แม้จะมิได้ขอไว้ในคำขอท้ายฟ้องและศาลมิได้พิพากษาให้จ่ายก็ตาม
พิพากษากลับเป็นว่า ให้จ่ายเงินค่าปรับที่จำเลยชำระตามคำพิพากษากึ่งหนึ่งแก่โจทก์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521มาตรา 49

Share