แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 7(1) หมายความว่า ขณะที่เขียนเช็คผู้ออกเช็คมีเจตนาที่จะไม่ให้ขึ้นเงินได้ตามเช็คตั้งแต่แรก ความผิดตามอนุมาตรานี้โจทก์ไม่จำเป็นต้องนำสืบถึงเงินในบัญชีของจำเลยในวันที่เช็คถึงกำหนด แต่จำเลยมีพฤติการณ์อย่างไรบ้างที่แสดงให้เห็นว่าออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค แม้จะเป็นขั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ก็ยังมีหน้าที่จะต้องนำสืบให้ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย ข้อที่ว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพียงประการเดียว ไม่ได้แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าได้ออกเช็คโดยมีเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2493 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาในชั้นฎีกาว่าความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 แต่ละอนุมาตราเป็นความผิดแยกจากกันหรือไม่ เห็นว่าตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 3 อนุมาตรา 1 ถึงอนุมาตรา 5 แต่ละอนุมาตราเป็นความผิดแยกจากกันได้ แล้วแต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ส่วนปัญหาว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลตามอนุมาตรา 2 และอนุมาตรา 3 แล้ว จะมีมูลตามอนุมาตรา 1 หรือไม่ อนุมาตรา 1 บัญญัติว่า’ผู้ใดออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค’ ซึ่งมีความหมายว่า ขณะที่เขียนเช็คผู้ออกเช็คมีเจตนาที่จะไม่ให้ขึ้นเงินได้ตามเช็คตั้งแต่แรก ความผิดตามอนุมาตรานี้ โจทก์ไม่จำเป็นต้องนำสืบถึงเงินในบัญชีของจำเลยในวันที่เช็คถึงกำหนด แต่จำเลยมีพฤติการณ์อย่างไรบ้างที่แสดงให้เห็นว่าออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค แม้จะเป็นชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ก็ยังมีหน้าที่จะต้องนำสืบให้ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วยมิฉะนั้นคดีเกี่ยวกับเช็คจะมีมูลตามอนุมาตรานี้ทุกเรื่องซึ่งเป็นการไม่ถูกต้อง คดีนี้โจทก์มิได้นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าว แม้จะได้ความว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแต่ข้อที่ว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพียงประการเดียวก็ไม่ได้แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าได้ออกเช็คโดยมีเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค คดีจึงไม่มีมูลความผิดตามมาตรา 3 (1) ด้วย
พิพากษายืน.