คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3044/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ไปร้องต่อทางราชการขอให้เพิกถอน น.ส.3 ของจำเลย และได้เสียภาษีบำรุงท้องที่นาพิพาทตลอดมา ไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองเกินปีหนึ่งได้
โจทก์ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองเกินปีหนึ่ง นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง ศาลชอบที่จะพิพากษายกฟ้องของโจทก์เสียได้ โดยไม่จำเป็นที่จำเลยจะต้องอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 เป็นข้อต่อสู้ขึ้นมาด้วย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1646/2504)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับมรดกที่นามาแปลงหนึ่ง ต่อมาได้ขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่นาแปลงนี้จึงทราบว่าทางอำเภอได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลยไปแล้ว ขอให้พิพากษาว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ และให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวด้วย
จำเลยให้การว่า นาพิพาทเป็นของจำเลย ครอบครองตลอดมาเกินกว่า ๓๐ ปีแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลแย่งการครอบครองที่นาพิพาทจากโจทก์แล้วโจทก์ต้องฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองเสียภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง การที่โจทก์ไปร้องต่อทางราชการขอให้เพิกถอน น.ส.๓ ของจำเลย และได้เสียภาษีบำรุงท้องที่นาพิพาทตลอดมา ไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองเกินปีหนึ่งได้ โจทก์ฟ้องคดีเกินปีหนึ่ง จึงหมดสิทธิฟ้องเรียกที่นาพิพาทคืน และขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ สิทธิครอบครองที่นาพิพาทของโจทก์ได้ตกไปอยู่กับจำเลยแล้ว สิทธิจะเอาคืนซึ่งการครอบครองจากจำเลยก็พ้นไปแล้ว ศาลชอบที่จะพิพากษาให้ยกฟ้องของโจทก์เสียได้โดยไม่จำเป็นที่จำเลยจะต้องอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๕ เป็นข้อต่อสู้ขึ้นมาด้วย ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๔๖/๒๕๐๕ ระหว่างนายเปรมรัตนบุรี ในฐานะผู้แทนโดยขอบธรรมของนายแบน หรือนายจิตร รัตนบุรี ผู้เยาว์ โจทก์ นางแย้ม หนูวรรณา กับพวก จำเลย
พิพากษายืน.

Share