คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3028/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เกษียณอายุในวันที่ 19 สิงหาคม 2528 ย่อมพ้นสภาพความเป็นลูกจ้างของจำเลยนับแต่วันดังกล่าว จำเลยไม่มีหน้าที่ที่จะต้องจ่ายค่าจ้างตั้งแต่วันนั้นให้แก่โจทก์อีกต่อไป ทั้งตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยก็มิได้กำหนดให้จำเลยจ่ายค่าจ้างทั้งเดือนให้แก่พนักงานที่ต้องพ้นจากตำแหน่ง เพราะเกษียณอายุ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะได้รับค่าจ้างเพียง 18 วัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ เลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๒๘ ด้วยเหตุครบเกษียณอายุจำเลยที่๑ จ่ายเงินต่าง ๆ ให้โจทก์ แต่เงินบำเหน็จและค่าชดเชย ยังจ่ายไม่ถูกต้อง เพราะจะต้องนำค่าตำแหน่งกับค่าครองชีพที่โจทก์ได้รับมารวมกับเงินเดือนเป็นฐานคำนวณด้วย จำเลยที่ ๑ ยังค้างชำระเงินเดือนประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๒๘ อยู่ ๒๗,๐๐๕ บาท อนึ่งเมื่อปีพ.ศ.๒๕๑๗ จำเลยที่ ๑ ได้ก่อตั้งบริษัทจำเลยที่ ๒ ขึ้นในบริเวณโรงงานของจำเลยที่ ๑ และได้ร่วมกันว่าจ้างโจทก์ให้ทำงานในบริษัทจำเลยที่ ๒ โดยให้ค่าตอบแทนแก่โจทก์ในอัตราครึ่งหนึ่งของค่าตอบแทนที่โจทก์ได้รับจากจำเลยที่ ๑ ตั้งแต่ปี ๒๕๑๘ ถึงวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๒๘ จึงต้องจ่ายเงินต่าง ๆ ในอัตราครึ่งหนึ่งที่โจทก์ได้รับจากจำเลยที่ ๑ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธหลายประการ และว่า สำหรับเงินค่าจ้างประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๒๘ โจทก์ทำงานกับจำเลยที่ ๑ เพียงวันที่๑๘ สิงหาคม ๒๕๒๘ โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเป็นเงินค่าจ้างตามจำนวนวันที่ทำงานดังกล่าวเท่านั้น
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินประกันดอกเบี้ยเงินประกัน เงินสะสม เงินบำเหน็จ เงินชดเชย เงินโบนัสและค่าจ้างค้างจ่ายพร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกและให้ยกฟ้องคดีสำหรับจำเลยที่ ๒
โจทก์และจำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่าที่โจทก์อุทธรณ์อีกว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำรายเดือนจึงมีสิทธิได้รับเงินเดือนค่าตำแหน่งและค่าครองชีพเต็มทั้งเดือนไม่ว่าเดือนนั้นโจทก์จะมาทำงานกี่วันเพราะการที่โจทก์ออกจากงานเพราะเกษียณอายุตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ด้วยความสมัครใจของโจทก์และการที่จำเลยที่ ๑ มีระเบียบข้อบังคับให้พนักงานเกษียณอายุในวันที่ ๑๙ สิงหาคมของทุกปีแสดงว่าจำเลยที่ ๑ กำหนดให้โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานของจำเลยที่ ๑ ซึ่งครบเกษียณอายุในปี ๒๕๒๘ มีวันทำงานในเดือนสิงหาคม ๒๕๒๘ เพียง ๑๘ วันเท่านั้นเมื่อโจทก์ได้ทำงานในเดือนสิงหาคม ๒๕๒๘ และต้องออกจากงานเพราะเกษียณในเดือนสิงหาคม ๒๕๒๘ จำเลยที่ ๑ จึงต้องจ่ายค่าจ้างประจำเดือนอันได้แก่เงินเดือนค่าตำแหน่งและค่าครองชีพเต็มทั้งเดือนรวมเป็นเงิน ๒๖,๙๐๕ บาทแก่โจทก์นั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเมื่อโจทก์ต้องเกษียณอายุในวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๒๘ โจทก์ย่อมพ้นจากสภาพความเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ นับแต่วันดังกล่าวและจำเลยที่ ๑ ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องจ่ายค่าจ้างตั้งแต่วันนั้นให้แก่โจทก์อีกต่อไปทั้งตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยที่ ๑ ก็มิได้กำหนดให้จำเลยที่ ๑ จ่ายค่าจ้างทั้งเดือนให้แก่พนักงานที่ต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะเกษียณอายุ เช่นกรณีโจทก์นี้แต่อย่างใดโจทก์จึงมีสิทธิที่จะได้รับค่าจ้างอันได้แก่เงินเดือนค่าตำแหน่งและค่าครองชีพเพียง๑๘ วันรวมเป็นเงิน ๑๕,๖๒๒.๒๖ บาทตามที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยมาแล้วเท่านั้นอุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน
พิพากษาแก้เป็นว่าเฉพาะเงินบำเหน็จจำนวน ๙๙,๙๗๔ บาทให้จำเลยที่ ๑ ชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.

Share