คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1720/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ตายสั่งลงโทษกักยามจำเลยฐานละทิ้งหน้าที่ ซึ่งเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่โดยชอบ จำเลยไม่พอใจ ต่อว่า ท้าทาย และใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน คำรับสารภาพของจำเลยจึงไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ประกอบกับจำเลยเป็นผู้รักษากฎหมายทำการอุกอาจโหด เหี้ยมอำมหิตไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองและเป็นการกระทำต่อผู้บังคับบัญชาด้วยสาเหตุเพียงเล็กน้อยพฤติการณ์แห่งคดีไม่มีเหตุสมควรลดโทษให้แก่จำเลย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 289(2), 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2509 ข้อ 3, 6, 7
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(2) พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72,72 ทวิ อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ให้ประหารชีวิต ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่รับอนุญาตให้จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่รับอนุญาตจำคุก 6 เดือนคำรับสารภาพของจำเลยไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ไม่ลดโทษให้จึงลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว ริบปลอกกระสุนปืนกับหัวกระสุนปืนของกลาง ส่วนอาวุธปืนและซองปืนของกลางคืนแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลดโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สาเหตุเรื่องนี้ เนื่องมาจากผู้ตายได้สั่งลงโทษจำเลยเพราะจำเลยละทิ้งหน้าที่ จำเลยไม่พอใจ ได้พูดต่อว่าและท้าทายผู้ตายให้ตั้งกรรมการสอบสวน ผู้ตายก็มิได้แสดงกิริยาหรือกระทำการใด ๆ ในลักษณะข่มเหงจำเลย ที่ผู้ตายสั่งลงโทษจำเลยเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่โดยชอบ และโทษที่ลงก็เป็นโทษสถานเบาที่สุดแล้ว แต่จำเลยไม่พอใจกลับใช้ปืนยิงผู้ตาย ดังนี้ จำเลยอ้างว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหาได้ไม่ คดีนี้เหตุเกิดในเวลาและสถานที่ราชการมีพยานรู้เห็นในขณะเกิดเหตุ แม้จำเลยจะไม่ให้การรับสารภาพ พยานหลักฐานโจทก์ก็มั่นคงพอฟังลงโทษจำเลยได้ตามฟ้อง จำเลยรับสารภาพก็เพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน คำให้การรับสารภาพของจำเลยจึงไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จำเลยกระทำการอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองทั้ง ๆ ที่จำเลยก็เป็นผู้มีหน้าที่รักษากฎหมาย และเป็นการกระทำต่อผู้บังคับบัญชาด้วยสาเหตุเพียงเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงจิตใจเหี้ยมอำมหิตของจำเลย พฤติการณ์แห่งคดีไม่มีเหตุสมควรที่จะลดโทษให้จำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share