แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เวลาเกิดเหตุมีแสงอาทิจแล้วแต่ดวงอาทิจยังไม่ขึ้นจากขอบฟ้งดังนี้ ถือว่าเปนเวลากลางคืน
ย่อยาว
โจทฟ้องว่าระหว่างเวลาตั้งแต่พระอาทิจตกวันที่ ๘ สิงหาคม ถึงเวลาพระอาทิจขึ้นวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๔๘๖ จำเลยเข้าไปลักทรัพย์ไนบ้านของนายซง สีสักดิ์ไป ขอไห้ลงโทา
ได้ความตามคำพยานโจทว่า เวลาเกิดเหตุเปนเวลาสว่างไร ๆ แล้วบ้าง เวลาตีนฟ้าสางบ้าง เวลาฟ้าสว่างแล้วบ้าง ฟ้าสว่างบ้าง รวมความว่าเปนเวลาจวนดวงพระอาทิจจะขึ้น แต่ยังไม่ขึ้นไห้แลเห็นดวง คงมีแต่แสงของดวงอาทิจส่องจับท้องฟ้าสาลชั้นต้นฟังว่า เวลาเกิดเหตุสว่างแล้วเปนเวลากลางวัน ไม่ไช่กลางคืน ยกฟ้องโจท
สาลอุธรน์เห็นว่า เปนเวลากลางคืน คือไนเวลาปรกติดวงอาทิจลับลงทางทิสตวันตกจนแลไม่เห็นดวงแล้วและตลอดต่อไปจนดวงอาทิจขึ้นไห้แลเห็นดวงอาทิจตวันออกไหม่ไม่ไช่ถือเอาเวลาหมดแสงพระอาทิจไปจนมีแสงพระอาทิจหย่างสาลชั้นต้น พิพากสายกคำพิพากสาสาลชั้นต้น ไห้สาลชั้นต้นวินิฉัยไนข้อเท็ดจิงแห่งคดีแล้วพิพากสาเสียไหม่
จำเลยดีกาว่า เมื่อมีแสงอาทิจขึ้นสว่างพอไห้เห็นคนหรือวัตถุอะไรได้แล้ว ตามกดหมายต้องถือว่าพระอาทิจขึ้นแล้ว เปนเวลากลางวัน
สาลดีกาเห็นว่า พระอาทิจขึ้นนั้นตามกดหมายความว่า ดวงอาทิจขึ้นพ้นขอบฟ้าแล้ว หาไช่มีความหมายดังจำเลยดีกาไม่และตามคำพยนโจทไนคดีนี้ฟังได้ว่า เวลาเกิดเหตุพระอาทิจยังไม่ขึ้น จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์