แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนเนื่องจากถูกเรียกไปให้ถ้อยคำในฐานะเป็นพยานในกรณีที่ ส. ผู้บังคับบัญชาจำเลยถูกกล่าวหาว่าปกิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และจำเลยเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับผลจากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของ ส. จำเลยกล่าวถ้อยคำเพื่อประโยชน์แก่ราชการอันเป็นส่วนรวมและมีมูลความจริง แม้ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวจะพาดพิงไปถึงโจทก์ ก็เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖
ศาลชั้นต้นงดไต่สวน และวินิจฉัยว่า จำเลยร่วมกันร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีกรมสามัญศึกษา จนได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน จำเลยได้ไปให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบสวนเป็นข้อความที่กล่าวเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมิได้มีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์ทั้งถือได้ว่าจำเลยได้กระทำโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ซึ่งเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ จึงได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙ (๑) (๓) ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและคำแถลงของโจทก์ประกอบเอกสารที่โจทก์อ้างได้ความว่า เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๒๖ จำเลยพร้อมด้วยบุคคลอื่น ๆ อีกรวม ๙ คน ซึ่งต่างเคยเป็นครูโรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์ ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงอธิบดีกรมสามัญศึกษากล่าวหาว่านายเสนาะในขณะที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์ได้ประพฤติปฏิบัติโดยมิชอบหลายประการ รวมทั้งมีพฤติการณ์ในทางชู้สาวกับข้าราชการครูใต้บังคับบัญชาของตน กรมสามัญศึกษาได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงจากบุคคลต่าง ๆ ร่วมทั้งจำเลยด้วย จำเลยได้ให้การต่อคณะกรรมการดังกล่าวว่า “ครั้งหนึ่งตนอยู่พิมพ์ข้อสอบหลังเลิกเรียนแล้ว เวลาประมาณ ๑๘ นาฬิกา ตนเดินลงมาจากชั้น ๓ เห็นนายเสนาะ จันทร์สุริยา เดินกอดนางสาวประณีต ยินดี ลงมา นายชัยโรจน์ กุลหินตั้ง เล่าให้ตนฟังว่า ขณะพักอยู่ที่บางแสน นายเสนาะ จันทร์สุริยา กับนางสาวประณีต ยินดี มีความใกล้ชิดกันยิ่งกว่าผัวเมีย นักเรียนเคยเล่าให้ตนฟังว่า นายเสนาะ จันทร์สุริยา พานางสาวประณีต ยินดี ไปโรงแรม”
คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความจากคำฟ้องและคำแถลงของโจทก์ประกอบเอกสารที่โจทก์อ้างเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ หรือไม่
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำกล่าวของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องเป็นคำกล่าวในการให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการที่อธิบดีกรมสามัญศึกษาแต่งตั้งขึ้นเพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีที่นายเสนาะ จันทร์สุริยา ถูกกล่าวหาว่าประพฤติและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์ ซึ่งมีอยู่หลายกรณี รวมทั้งข้อที่มีพฤติการณ์ในทางชู้สาวกับข้าราชการครูใต้บังคับบัญชาด้วย และจำเลยก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการประพฤติปฏิบัติโดยมิชอบของนายเสนาะ จันทร์สุริยา ดังกล่าว ในการสอบสวนคณะกรรมการเชื่อพยานบางปากที่ได้สอบสวนแล้วเกี่ยวกับพฤติการณ์ของนายเสนาะ จันทร์สุริยา ในทางชู้สาว โดยเฉพาะกับนางสาวประณีต ยินดี (โจทก์) และนางสาวปราณี อนันตโชติ ว่าน่ารับฟังและผลที่สุดคณะกรรมการสอบสวนมีความเห็นว่าการกระทำของนายเสนาะ จันทร์สุริยา เป็นการประพฤติตนไม่เหมาะสมต่อครูสตรีใต้บังคับบัญชา เมื่อประกอบกับความจริงข้ออื่นด้วยแล้วสมควรให้ลดชั้นเงินเดือน ๑ ชั้น แสดงว่าถ้อยคำที่จำเลยได้ให้ไว้ต่อคณะกรรมการสอบสวนนั้นมีมูลเป็นความจริง จำเลยได้ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนเนื่องจากถูกเรียกไปให้ถ้อยคำในฐานะเป็นพยาน จำเลยกล่าวถ้อยคำเพื่อเป็นประโยชน์แก่ราชการอันเป็นส่วนร่วม เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน