แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยกระทำความผิดสองกระทง ศาลชั้นต้นไม่รอการลงโทษศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้รอการลงโทษมีกำหนด 3 ปี ถือได้ว่ามีการรอการลงโทษในความผิดทั้งสองกระทง คดีขึ้นสู่ศาลฎีกาเฉพาะกระทงหลัง หากศาลฎีกาจะพิพากษามิให้รอการลงโทษในกระทงหลังจะเป็นการลักลั่นกับความผิดกระทงแรกซึ่งคดียุติไปแล้ว ดังนี้ความผิดกระทงหลังก็ควรรอการลงโทษแก่จำเลยด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 6 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 6, 10 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 4 คืนอาวุธปืนของกลางแก่เจ้าของและนับโทษจำเลยต่อกับโทษคดีอาญาหมายเลขดำที่ 156/2530 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ6 เดือน กระทงหนึ่ง และผิดพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษจำคุก 3 ปีอีกกระทงหนึ่งรวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษกึ่งหนึ่งจำคุก 1 ปี 9 เดือน คืนของกลางแก่เจ้าของ และให้นับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 156/2530 ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 3 ปี ปรับฐานอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตเป็นเงิน 2,000 บาท ฐานมีมูลฝิ่นไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นเงิน 2,000 บาท รวมปรับ 4,000 บาท มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษ ให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 2,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องและศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย 2 กระทงคือความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กระทงหนึ่งจำคุก 3 เดือน กับความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษอีกกระทงหนึ่ง จำคุก 1 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้เป็นให้รอการลงโทษจำเลยมีกำหนด 3 ปี และปรับกระทงละ 1,000 บาทนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ถือว่าได้มีการรอการลงโทษในความผิดทั้ง 2 กระทง แก่จำเลย แต่คดีนี้ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะกระทงหลังในความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษส่วนกระทงแรกเป็นอันยุติต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ที่โจทก์ฎีกามิให้รอการลงโทษแก่จำเลยนั้น เห็นว่า หากศาลฎีกาจะพิพากษามิให้รอการลงโทษในความผิดจำเลยกระทงหลัง ก็จะเป็นการลักลั่นกับความผิดจำเลยในกระทงแรกซึ่งคดีได้ยุติและศาลอุทธรณ์พิพากษารอการให้ลงโทษให้ในคราวเดียวกัน ทั้งข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยถูกฟ้องทั้ง 2 กระทง ในคดีเดียวกัน เมื่อความผิดกระทงแรกศาลได้รอการลงโทษให้แก่จำเลยแล้ว ความผิดกระทงหลังก็ควรรอการลงโทษแก่จำเลยด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รอการลงโทษแก่จำเลย จึงชอบแล้วและที่โจทก์ฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาเอกสารแสดงคุณงานความดีของจำเลยที่ยื่นพร้อมอุทธรณ์ประกอบดุลพินิจในการรอการลงโทษจำเลยเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้นเห็นว่าโจทก์ไม่ได้แก้อุทธรณ์คัดค้านเอกสารดังกล่าวว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างใด ศาลอุทธรณ์จึงรับฟังมาประกอบดุลพินิจในการรอการลงโทษจำเลยได้ ส่วนที่โจทก์ฎีกาให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษคดีอื่นนั้นเมื่อได้รอการลงโทษแก่จำเลยแล้ว ข้อนับโทษต่อจึงไม่จำต้องวินิจฉัย”
พิพากษายืน