คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3008/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์ตกเป็นบุคคลล้มละลาย พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 123 บัญญัติให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะขายทรัพย์สินที่รวบรวมได้มาตามวิธีที่สะดวกและเป็นผลดีที่สุด โดยมีเงื่อนไขว่าการขายโดยวิธีอื่นนอกจากการขายทอดตลาดต้องได้รับความเห็นชอบของกรรมการเจ้าหนี้ การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ประกาศขายสิทธิเรียกร้องของโจทก์โดยวิธีอื่นตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้ในคดีล้มละลายเป็นการดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าว ผู้ร้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์สินและได้มาซึ่งสิทธิเรียกร้องของโจทก์รวมถึงสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้จากการขายดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าเป็นผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวเนื่องด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งในอันที่จะร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความในชั้นบังคับคดีเพื่อยังให้ได้รับความคุ้มครองและบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1) ได้
โจทก์ได้เสียค่าขึ้นศาลไว้แล้ว และการร้องสอดของผู้ร้องเพื่อเข้ามาแทนที่โจทก์เดิม การที่ผู้ร้องจะต้องเสียค่าขึ้นศาลอีกหรือไม่จะต้องพิจารณาว่าผู้ร้องได้เรียกร้องอะไรหรือไม่ด้วย เมื่อผู้ร้องขอเข้าสวมสิทธิแทนโจทก์โดยไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติมอีก จึงไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาล

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 1,997,085 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงิน 1,300,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น รวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลไม่สั่งคืน และค่าทนายความจำนวน 4,000 บาท หากจำเลยผิดนัดชำระหนี้งวดใดงวดหนึ่งถือว่าจำเลยผิดนัดทั้งหมดยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องได้รับอนุญาตจากระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจเงินทุน และได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการรับซื้อหรือรับโอนลูกหนี้เงินให้กู้ยืมและสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน 56 แห่ง ที่ถูกปิดกิจการจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีคำสั่งโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ให้ระงับการดำเนินกิจการของโจทก์ในคดีนี้ และดำเนินการชำระบัญชีตามกฎหมาย ต่อมาผู้ชำระบัญชีของโจทก์ร้องขอต่อศาลล้มละลายกลางให้มีคำสั่งให้โจทก์เป็นบุคคลล้มละลาย และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์เด็ดขาดแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รวบรวมทรัพย์สินและสิทธิเรียกร้องอื่น ๆ ของโจทก์นำออกประมูลขายตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้ ผู้ร้องเป็นผู้ประมูลซื้อสินทรัพย์และสิทธิเรียกร้องอื่น ๆ ของโจทก์ซึ่งรวมถึงสิทธิเรียกร้องตามคำพิพากษาในคดีนี้ ผู้ร้องได้รับโอนซึ่งสิทธิเรียกร้องที่โจทก์มีอยู่ต่อจำเลยตามคำพิพากษา รวมทั้งหลักประกันและการค้ำประกันที่ให้ไว้เพื่อสิทธิเรียกร้องนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 305 และมาตรา 306 จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีและมีสิทธิเกี่ยวเนื่องด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษา ผู้ร้องบอกกล่าวแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้จำเลยทราบแล้ว ขอให้คำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนที่โจทก์เป็นคู่ความในชั้นบังคับคดีต่อไป
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่คัดค้านคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) ให้สิทธิแก่บุคคลภายนอกคดีเช่นผู้ร้องเข้ามาในคดีได้โดยอาศัยสิทธิของตนเองเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม การที่ผู้ร้องขอเข้ามาแทนที่โจทก์เสียทีเดียวทำนองเดียวกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (2) ย่อมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของผู้ร้องชอบหรือไม่ เห็นว่า เมื่อโจทก์ตกเป็นบุคคลล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจหน้าที่รวบรวมและจำหน่ายทรัพย์สินของโจทก์ตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในหมวด 4 ส่วนที่ 4 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ซึ่งมาตรา 123 บัญญัติให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะขายทรัพย์สินที่รวบรวมได้มาตามวิธีที่สะดวกและเป็นผลดีที่สุด โดยมีเงื่อนไขว่าการขายโดยวิธีอื่นนอกจากการขายทอดตลาดต้องได้รับความเห็นชอบของกรรมการเจ้าหนี้ การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ประกาศขายสิทธิเรียกร้องของโจทก์โดยวิธีอื่นตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้ในคดีหมายเลขแดงที่ 396/2544 ของศาลล้มละลายกลางเป็นการดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าว สิทธิของผู้ซื้อทรัพย์สินที่ได้มาจากการขายสิทธิเรียกร้องของโจทก์ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายจึงควรได้รับความรับรอง คุ้มครอง และบังคับตาม เมื่อฟังได้ว่า ผู้ร้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์สินและได้มาซึ่งสิทธิเรียกร้องของโจทก์รวมถึงสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้จากการขายดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวเนื่องด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งในอันที่จะร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความในชั้นบังคับคดีเพื่อยังให้ได้รับความคุ้มครองและบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) ได้ ที่ศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องโดยอ้างเหตุว่าเป็นการร้องเข้ามาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (2) และไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้น
ปัญหาต่อไปมีว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องต้องเสียค่าขึ้นศาลตามคำร้องด้วยนั้นชอบหรือไม่ เห็นว่า เนื่องจากคดีนี้โจทก์ได้เสียค่าขึ้นศาลมาแล้ว และการร้องสอดของผู้ร้องเพื่อเข้ามาแทนที่โจทก์เดิม การที่ผู้ร้องจะต้องเสียค่าขึ้นศาลอีกหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาว่า ผู้ร้องได้เรียกร้องอะไรหรือไม่ด้วย เมื่อคดีนี้ผู้ร้องขอเข้าสวมสิทธิแทนโจทก์โดยไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติมอีก จึงหาต้องเสียค่าขึ้นศาลไม่ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องต้องเสียค่าขึ้นศาลอีกนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้นเช่นกัน”
พิพากษากลับให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้น อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นคู่ความในชั้นบังคับคดีแทนโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นนอกจากค่าคำร้องในชั้นนี้ให้ผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share