คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2987/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำให้การของจำเลยที่ว่า ทางพิพาทไม่ใช่ทางภารจำยอมเพราะไม่เคยมีใครใช้ทางดังกล่าว ย่อมมีความหมายไปถึงว่าไม่ใช่ทางภารจำยอมแม้แต่วาเดียวหรือศอกเดียวไปด้วย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าความกว้างยาวของทางภารจำยอมมีขนาดไหน จึงอยู่ในขอบเขตของคำให้การของจำเลยแล้ว ไม่ใช่เป็นเรื่องนอกประเด็น โจทก์บรรยายฟ้องว่า เดิมโจทก์ได้ใช้ที่ดินของจำเลยดังกล่าวส่วนหนึ่งมีขนาดกว้าง 2 วา ยาว 10 วา เป็นทางเดินเข้าออกจากที่ดินโจทก์ไปสู่ทางสาธารณะเป็นระยะเวลาติดต่อกันประมาณ35 ปี โดยสงบเปิดเผย มีเจตนาให้ได้ทางภารจำยอม ดังนี้เป็นคำบรรยายฟ้องที่ชัดเจนแล้วว่าโจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่4742 เลขที่ดิน 449 ตำบลบ้านกระแชง อำเภอเมืองปทุมธานีจังหวัดปทุมธานี จำเลยเป็นเจ้าของที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 20ตำบลอำเภอจังหวัดเดียวกัน ซึ่งมีเขตติดต่อกับที่ดินโฉนดเลขที่ 4742เดิมโจทก์ใช้ที่ดินของจำเลยแปลงดังกล่าวส่วนหนึ่งมีขนาดความกว้าง3 วา ยาว 10 วา เป็นทางเดินเข้าออกไปสู่ทางสาธารณะมาเป็นเวลาติดต่อกันกว่า 35 ปี โดยความสงบเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นทางภารจำยอม จะไม่ใช้เฉพาะฤดูฝนน้ำหลากในบางปีเท่านั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2522 โจทก์เอาดินไปถมในทางดังกล่าวเพื่อจะนำรถยนต์เข้าออกได้สะดวก จำเลยทั้งสองปิดกั้นทาง และฟ้องโจทก์อ้างว่าที่ดินที่โจทก์ใช้เป็นทางเดินผ่านนั้นเป็นของจำเลยปรากฏตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 76/2525 ของศาลชั้นต้นและจำเลยได้ปิดกั้นทางดังกล่าวถึงวันฟ้องคดีนี้เป็นเวลา 5 ปีเป็นการละเมิดต่อโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เพราะโจทก์ไม่สามารถนำรถยนต์ 2 คัน ซึ่งเคยจอดไว้ที่บ้านโจทก์เข้าออกได้โจทก์ต้องนำไปฝากผู้อื่นไว้โดยเสียค่าฝากในอัตราเดือนละ 200บาทต่อคัน เป็นเวลา 5 ปี คิดเป็นเงิน 24,000 บาท ขอให้จำเลยทั้งสองเปิดทางภารจำยอมมีขนาดความกว้าง 2 วา ยาว 4 วา เพื่อให้โจทก์และบริวารเดินผ่านเข้าออกได้โดยสะดวกและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 24,000 บาท แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองให้การว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าได้ทางภารจำยอมมาด้วยวิธีใดไม่แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ทำให้จำเลยไม่อาจเข้าใจได้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมที่ดินโฉนดเลขที่ 4742 เดิมเป็นของนางลิ้นจี่ กลีบพุด ซึ่งบิดามารดาโจทก์เช่าปลูกเป็นโรงใช้เป็นที่ต่อเรือสำปั้น เรือแจวบิดามารดาโจทก์และบริวารไม่ได้ใช้ทางเดินในที่ดินของจำเลย เพราะมีทางอื่นออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาและในที่ดินของบุคคลอื่นได้ ทั้งที่ดินของจำเลยเป็นที่ลุ่มมีน้ำขังจำเลยทั้งสองปลูกผักบุ้งผักกระเฉด บางปีก็ตกกล้า ไม่มีผู้ใดใช้เป็นทางเดิน เมื่อปี2508 โจทก์ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 4742 มาเป็นของโจทก์ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2522 โจทก์เพิ่งจะนำดินไปถมในที่ดินของจำเลยเพื่อใช้เป็นทางซึ่งมีความกว้าง 3 เมตร ยาว 10 เมตร จำเลยจึงแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีโจทก์ โจทก์ยินยอมจะขนดินที่ถมออกจากนั้นโจทก์มิได้เกี่ยวข้องกับที่ดินของจำเลยอีก ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางพิพาทกว้าง 2 วา ยาวตลอดแนวจากที่ดินของโจทก์จนจดถนนสายวัดโพธิ์เลื่อนตามเส้นสีแดงของแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.3 เป็นทางภารจำยอม ให้จำเลยทั้งสองเปิดทางพิพาทให้โจทก์และบริวารเดินเข้าออกได้สะดวก คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยกเสีย จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ทางพิพาทซึ่งมีความกว้าง 2 ศอก ในที่ดินตาม ส.ค.1เลขที่ 20 ตำบลบางกระแชง (ที่ถูกบ้านกระแชง) อำเภอเมืองปทุมธานีจังหวัดปทุมธานี ตกเป็นภารจำยอมของที่ดินโฉนดเลขที่ 4742ตำบลอำเภอและจังหวัดเดียวกัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า ตามคำให้การของจำเลยตลอดจนอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยทั้งสองไม่ได้ตั้งประเด็นมาว่าทางภารจำยอมที่โจทก์ฟ้องนั้นกว้างและยาวเท่าไร จำเลยทั้งสองต่อสู้คดีเพียงว่าโจทก์ไม่ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดิน ไม่ได้สู้คดีว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทเพียง 2 ศอก คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ เป็นการวินิจฉัยนอกคำฟ้องและคำให้การนั้น ปัญหานี้จำเลยให้การว่าที่ดินของจำเลยเป็นที่ลุ่มลึกมีน้ำขังตลอดปี จำเลยใช้เป็นที่ปลูกผักบุ้ง ฯลฯ ไม่เคยมีใครเคยใช้ที่ดินสภาพนี้เป็นทางเดินผ่านไปมาแม้กระทั่งจำเลยผู้เป็นเจ้าของก็ยังต้องใช้ที่ดินของนางสาวมาลี ครองวณิช เห็นว่า เมื่อจำเลยให้การว่า ไม่ใช่ทางภารจำยอมเพราะไม่เคยมีใครใช้ทางดังกล่าว คำให้การของจำเลยย่อมมีความหมายไปถึงว่าไม่ใช่ทางภารจำยอมแม้แต่วาเดียวหรือศอกเดียวไปด้วยดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาไปถึงว่า ความกว้างยาวของภารจำยอมมีขนาดไหน จึงอยู่ในขอบเขตของคำให้การของจำเลยแล้ว ไม่ใช่เป็นเรื่องนอกประเด็นแต่อย่างใด ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ฎีกาของจำเลยที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่บรรยายข้อเท็จจริงให้เห็นว่า โจทก์ได้ภารจำยอมมาโดยวิธีใดนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า เดิมโจทก์ได้ใช้ที่ดินของจำเลยแปลงดังกล่าวส่วนหนึ่งมีขนาดกว้าง 2 วา ยาว 10 วา ใช้เป็นทางเดินเข้าออกของที่ดินโจทก์ไปสู่ถนนสาธารณะ เป็นระยะเวลาติดต่อกันประมาณ 35 ปีแล้วโดยสงบโดยเปิดเผย มีเจตนาให้ได้ทางภารจำยอม เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องชัดเจนแล้วว่าโจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share