คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2980/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยตอกบัตรบันทึกเวลาทำงานแทน ณ. ลูกจ้าง เพื่อแสดงเวลากลับจากทำงานของณ. ซึ่งมิได้กลับมาที่บริษัทจำเลยโดยได้ลงระหว่างทางซึ่งในวันดังกล่าวณ.ก็ได้ไปทำงานจนสิ้นสุดเวลาทำงานปกติแล้ว เมื่อไม่ปรากฎว่าการตอกบัตรบันทึกเวลาทำงานกลับ ในช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นเหตุให้จำเลยต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่ ณ.หรือไม่ และไม่ปรากฎว่าจำเลยได้รับความเสียหายร้ายแรงประการอื่นใดอีก การที่โจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยดังกล่าว จึงมิใช่กรณีที่ร้ายแรงจำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุดังกล่าวจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานทำหน้าที่ขับรถต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิดและ ไม่บอกกล่าวล่วงหน้าโจทก์ทำงานกับจำเลยติดต่อกันเกิดกว่า 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี จึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าชดเชยแก่โจทก์เกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอย่างร้ายแรง โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ข้อต่อมาว่า การที่โจทก์ตอกบัตรบันทึกเวลาทำงานแทนนายณรงค์ปานนิล ถือเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยในกรณีที่ร้ายแรงนั้น เห็นว่าการที่โจทก์ตอกบัตรบันทึกเวลาทำงานแทนนายณรงค์ดังกล่าวเป็นการตอกบัตรบันทึกเวลาทำงานเพื่อแสดงเวลากลับจากทำงานของนายณรงค์ซึ่งมิได้กลับมาที่บริษัทจำเลยโดยได้ลงระหว่างทาง ซึ่งในวันดังกล่าวนายณรงค์ก็ได้ไปทำงานจนสิ้นสุดเวลาทำงานปกติแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฎว่าการตอกบัตรบันทึกเวลากลับในช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นเหตุให้จำเลยต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่นายณรงค์หรือไม่ และไม่ปรากฎว่าจำเลยได้รับความเสียหายร้ายแรงประการอื่นใดอีก การที่โจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยดังกล่าวจึงมิใช่กรณีที่ร้ายแรง จำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุดังกล่าวจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ ศาลแรงงานกลางพิพากษาแล้วอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share