แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตามวิธีพิจารณาคดีแรงงานมาตรา 54 จึงไม่รับ
จำเลยที่ 2 เห็นว่า อุทธรณ์ที่ว่า เมื่อโจทก์ทั้ง ห้าสิบสามทำงานให้กับจำเลยที่ 2 จนถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2537จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดชอบต่อค่าจ้างหรือค่าอื่นใดที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระต่อโจทก์ทั้งห้าสิบสาม ภายหลังจาก วันดังกล่าวและคำเบิกความของพยานโจทก์เป็นการเบิกความลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานมาแสดงจึงไม่อาจรับฟังได้ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2ไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ทั้งห้าสิบสามสำนวนได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 86)
คดีทั้งห้าสิบสามสำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวม พิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน โดยให้เรียกโจทก์ตามลำดับสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 ถึงโจทก์ที่ 53 ส่วนจำเลยทุกสำนวนเป็นบุคคลเดียวกัน
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจ่ายค่าจ้างค้าง ค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลา พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งห้าสิบสาม กับให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าเช่าบ้านให้โจทก์ ที่ 2 และที่ 3 อีกส่วนหนึ่ง พร้อมดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันตามตารางแสดงจำนวนเงินค้างชำระท้ายคำพิพากษา
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับ อุทธรณ์ดังกล่าว (อันดับ 80)
จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 83)
คำสั่ง
จำเลยที่ 2 ไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกัน มาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 31 ก่อน จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2