คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์สองคนต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวเรียกร้องที่ดินคนละแปลงจากจำเลยมาในฟ้องเดียวกัน โดยตั้งราคาที่ดินรวมกัน 5,200 บาทปรากฏว่าเนื้อที่ดินทั้งสองแปลงนี้ไม่แตกต่างกันมากนัก และเป็นที่ดินที่อยู่ติดต่อกัน เช่นนี้ย่อมเห็นได้ว่าราคาที่ดินแต่ละแปลงไม่ถึง 5,000บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรนายมั่น นางพุก เมื่อ 32 ปีมาแล้วนางพุกถึงแก่กรรม เมื่อราว 9 ปีมานี้นายมั่นบิดาโจทก์ได้แบ่งนาพิพาทหมายเลข 1 ให้โจทก์ที่ 2 และ หมายเลข 2 ให้โจทก์ที่ 1ที่ดินทั้งสองแปลงราคาประมาณ 5,200 บาท มีอาณาเขตตามแผนที่ท้ายฟ้อง ในปีที่ยกให้นั้น นายมั่นได้จำเลยเป็นภริยา ต่อมานายมั่นถึงแก่กรรม โจทก์ประสงค์จะเข้าครอบครองทำกินในนาพิพาท จำเลยไม่ยอมคืนให้ จึงฟ้องขอให้จำเลยคืนที่ดินหมายเลข 2 ให้โจทก์ที่ 1และที่ดินหมายเลข 1 ให้โจทก์ที่ 2 และสั่งห้ามจำเลยและบริวารมิให้เข้ามาเกี่ยวข้องอีกต่อไป

จำเลยให้การว่า เมื่อ 23 ปีมาแล้วนายมั่นได้จำเลยเป็นภริยาต่อมา พ.ศ. 2501 นายมั่นได้ทำนิติกรรมยกนาพิพาทให้จำเลยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยได้ครอบครองอย่างเจ้าของตลอดมา

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่านายมั่นได้ยกที่พิพาทให้จำเลย และจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทในฐานะเจ้าของตลอดมา แม้จะได้ความว่านายมั่นพูดยกที่พิพาทให้แก่โจทก์ก่อนแต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องเสียภายใน 1 ปี นับแต่ถูกจำเลยแย่งการครอบครอง จำเลยย่อมขาดสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยโจทก์ได้รับส่วนแบ่งมาก่อนนายมั่นตาย

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้มีโจทก์ 2 คน ต่างคนต่างใช้สิทธิเรียกร้องเฉพาะตัวโดยอ้างว่านายมั่นยกนาพิพาทหมายเลข 1 ให้โจทก์ที่ 2 และยกนาหมายเลข 2 ให้แก่โจทก์ ที่ 1 และที่ดินทั้งสองแปลงนี้โจทก์ตั้งราคารวมกันมา 5,200 บาท เมื่อพิจารณาจากแผนที่สังเขปท้ายฟ้องแล้วจะเห็นว่าเนื้อที่ดินทั้งสองแปลงไม่แตกต่างกันมากนักและเป็นที่ดินที่อยู่ติดต่อกัน เมื่อราคาที่ดินทั้งสองแปลงเป็นเงิน5,200 บาทเช่นนี้ ย่อมเห็นได้ว่า ราคาที่ดินแต่ละแปลงไม่ถึง5,000 บาทแน่นอน คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยฟังข้อเท็จจริงว่านายมั่นยกให้จำเลยไว้ก่อนแล้วและจำเลยครอบครองตลอดมา ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกันการที่โจทก์ฎีกาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยบิดายกให้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248

พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์

Share