คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2240/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอให้จดทะเบียนรับรอง ก. เป็นบุตรแล้วตกลงท้าสาบานกันโดยถ้าจำเลยสาบานได้ ต้องฟังว่าก. ไม่ใช่บุตรของจำเลย จำเลยสาบานได้ตามคำท้า โจทก์จึงขอถอนฟ้อง และแถลงต่อศาลว่า ไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยอีก ศาลสั่งอนุญาต คำแถลงของโจทก์เช่นนี้เป็นการยอมสละสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176 ซึ่งบัญญัติมิให้โจทก์มีสิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยได้ใหม่ จึงผูกมัดตัวโจทก์ตามคำท้า โจทก์จะนำคดีมาฟ้องจำเลยขอให้จดทะเบียนรับ ก. เป็นบุตร อันมีประเด็นอย่างเดียวกันอีกหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยได้เสียเป็นสามีภริยากันโดยมิได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรคือเด็กชายประพัฒน์ ขอให้พิพากษาว่าเด็กชายประพัฒน์เป็นบุตรจำเลย ให้จำเลยจดทะเบียนรับรองบุตร

จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยเรื่องนี้มาครั้งหนึ่งแล้วและโจทก์จำเลยท้ากันให้จำเลยสาบาน ถ้าจำเลยสาบานได้ ต้องฟังว่าเด็กชายประพัฒน์ไม่ใช่บุตรของจำเลย จำเลยสาบานได้ โจทก์ขอถอนฟ้อง ศาลอนุญาต ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ฟ้องซ้ำ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในคดีก่อนซึ่งโจทก์จำเลยพิพาทกัน มีประเด็นข้อพิพาทเป็นอย่างเดียวกับคดีนี้ โจทก์จำเลยได้ท้ากันด้วยการสาบานซึ่งจำเลยได้สาบานตามคำท้าเสร็จสิ้นเป็นที่พอใจของโจทก์ และโจทก์ขอถอนฟ้องไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยอีก จนศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องไปตามคำท้าแล้ว คำท้าของคู่ความในการพิจารณาจึงเป็นกระบวนพิจารณาที่คู่ความในคดีนั้นได้กระทำต่อศาลและต่อคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งในการท้ากันนั้นโจทก์เป็นฝ่ายแพ้ และโจทก์ยอมไม่ดำเนินคดีฟ้องร้องจำเลยในเรื่องนี้อีกต่อไป คำแถลงของโจทก์ที่ได้ยอมสละสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 176 ซึ่งบัญญัติให้โจทก์มีสิทธิที่จะนำคดีมาฟ้องจำเลยได้ใหม่อีก จึงผูกมัดตัวโจทก์ตามคำท้า เมื่อเป็นดังนี้ โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องจำเลยในประเด็นเดียวกันอีกไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ในผลแห่งคำพิพากษาที่ให้ยกฟ้องโจทก์

พิพากษายืน

Share