คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถูกยิง แล้วเห็นคนที่ยิงวิ่งออกไปจากใต้ถุนเลี้ยวไปทางทิศใต้แล้วเลี้ยวไปทางทิศตะวันตก จำได้ว่าเป็นโจทก์ร่วม จำเลยจึงได้ยิงตามไปถูกโจทก์ร่วมเช่นนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันสิทธิตามกฎหมาย เพราะภยันตรายที่จำเลยได้รับนั้นผ่านพ้นไปแล้ว พฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยได้ยิงโจทก์ร่วมตอบไปนั้นก็เพราะบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ปัญหานี้ แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
หมายเหตุ คดีนี้มีจำเลยหลายคน จำเลยในที่นี้หมายถึงจำเลยที่ 1 (ดูข้อเท็จจริง)

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องเป็นใจความว่า จำเลยทั้งหาได้ร่วมกันใช้ปืนยิงนายแดงหรือชอบ เนียมวงศ์ โจทก์ร่วม โดยเจตนาฆ่า แต่กระสุนปืนถูกอวัยวะไม่สำคัญ โจทก์ร่วมจึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาเหตุเกิดเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๑๒ ที่ตำบลคลองรี อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓ และขอให้ริบปืนและกระสุนปืนของกลางที่จำเลยใช้กระทำผิดด้วย
จำเลยทั้ง ๕ คนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้กระทำผิดจริงดังฟ้องส่วนจำเลยที่ ๓, ๔ และ ๕ พยานโจทก์ตกอยู่ในข่ายสงสัย วางโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ และ ๒ คนละ ๑๒ ปี ลดให้จำเลยที่ ๑ หนึ่งในสามฐานรับสารภาพชั้นสอบสวน คงเป็นจำคุกจำเลยที่ ๑ แปดปีของกลางริบ นอกนั้นยก
โจทก์ร่วมและจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ได้ร่วมกระทำผิดด้วยให้จำคุกจำเลยที่ ๑, ๒, ๓ และ ๔ คนละ ๑๒ ปีคำให้การและข้อต่อสู้ของจำเลยที่ ๑ และ ๒ มีประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่มาก ลดโทษให้คนละ ๑ ใน ๓ คงให้จำคุกจำเลยที่ ๑ และ ๒ คนละ ๘ ปี นอกจากที่แก้คงยืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ ๒ ไม่สมควรได้รับการลดโทษ ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาแก้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า เหตุเกิดจากจำเลยที่ ๑ ถูกยิงก่อน ๑ ที ในคืนเกิดเหตุถูกปืนแล้ว ชายคนที่ยิงวิ่งออกไปจากใต้ถุนจำเลยที่ ๑ เห็นด้วยแสงเดือนว่าเป็นโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมวิ่งไปทางทิศใต้แล้วเลี้ยวไปทางทิศตะวันตกจำเลยที่ ๑ ได้ยิงตามหลังไป ๑ นัด อ้างว่าป้องกันตัวกระสุนปืนถูกโจทก์ร่วมตามฟ้อง พฤติการณ์ที่ได้ความดังนี้จะฟังว่าการกระทำของจำเลยที่ ๑ เป็นป้องกันตามกฎหมายหาได้ไม่ เพราะภยันตรายที่จำเลยที่ ๑ ได้รับนั้นผ่านพ้นไปแล้วและไม่มีอันตรายที่ใกล้จะถึงอีก จึงไม่เป็นการป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘ พฤติการณ์เห็นได้ว่า จำเลยที่ ๑ ได้ยิงโจทก์ร่วมตอบไปนั้นก็เพราะบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงกระทำความผิดต่อโจทก์ร่วมผู้ข่มเหงในขณะนั้น ต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๒ ปัญหานี้ แม้จำเลยที่ ๑ จะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่าการกระทำของจำเลยที่ ๑ ผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๗๒ ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ หนึ่งปีหกเดือน จำเลยที่ ๑ ต้องขังมาพอควรแก่โทษแล้วให้ปล่อยตัวไป ส่วนจำเลยที่ ๒, ๓ และ ๔ ฟังไม่ได้ว่าได้ร่วมกระทำความผิดจึงให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยเหล่านี้เสีย ของกลางคงให้ริบตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share