แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ค้ำประกันถูกธนาคารเจ้าหนี้หักบัญชีเงินฝากประจำใช้หนี้แทนลูกหนี้ ทำให้ผู้ค้ำประกันสูญเสียเงินต้นและดอกเบี้ยที่ควรจะได้รับตามบัญชีเงินฝากประจำตั้งแต่วันที่ธนาคารเจ้าหนี้หักบัญชี ผู้ค้ำประกันย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้เพื่อการสูญเสียดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 693
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด โจทก์ค้ำประกันหนี้ดังกล่าวและโจทก์มอบสมุดเงินฝากประจำของโจทก์ให้ธนาคารเจ้าหนี้ไว้เป็นประกันด้วยต่อมาจำเลยไม่ใช้หนี้เงินกู้ ธนาคารได้หักเงินจากบัญชีเงินฝากของโจทก์ชำระหนี้ทำให้โจทก์เสียหายเพราะขาดดอกเบี้ยที่จะได้รับตามบัญชีเงินฝากอีกร้อยละ 12 ต่อปีขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 49,860 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปี
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เชื่อว่าโจทก์จะชำระเงินให้ธนาคารแทนจำเลยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้องพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยชำระเงิน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละสิบต่อปีนับแต่วันกู้ถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2524 แก่โจทก์และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 30,000 บาท นับแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2524 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกู้เงินธนาคาร 55,000 บาทแล้วไม่ชำระ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันให้จำเลย ได้ชำระหนี้แทนจำเลยไปเป็นเงิน 49,860 บาท โดยถูกธนาคารเจ้าหนี้หักบัญชีเงินฝากประจำใช้หนี้ ทำให้สูญเสียต้นเงินจำนวน49,860 บาทไปพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปี ที่ควรจะได้ตามบัญชีเงินฝากประจำนั้นตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2524 เป็นต้นมา โจทก์ชอบที่จะมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 693
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 49,860 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2524 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์