คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตัวแทนของผู้ขายได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินไว้กับผู้ซื้อฉบับหนึ่ง ระบุว่าผู้ขายได้รับค่าที่ดินแล้ว ต่อมาผู้ซื้อทำหนังสือสัญญาให้ตัวแทนผู้ขายอีกฉบับหนึ่งความว่า ผู้ซื้อยังไม่ได้ชำระค่าที่ดิน จะชำระให้ตามวันซึ่งกำหนดไว้ในหนังสือสัญญาฉบับหลังนี้ ประกอบกับผู้ขายได้ตั้งประเด็นไว้ในคำฟ้องว่า ผู้ซื้อยังไม่ได้ชำระราคาที่ดิน ดังนี้ ผู้ขายมีสิทธิที่จะนำสืบถึงข้อตกลงในหนังสือสัญญาฉบับหลังได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและพาณิชย์มาตรา 94
สัญญาฉบับหลังดังกล่าวนี้ถือได้ว่าตัวแทนทำในฐานะตัวแทนของผู้ขาย ถึงแม้ต่อมาตัวแทนถึงแก่กรรม ก็ไม่เป็นเหตุให้สัญญาสิ้นสุดลง หนังสือสัญญาฉบับหลังนี้ ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือ หรือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายศิริ อินทร์เมือง เป็นตัวแทนขายที่ดินมีโฉนดของโจทก์รวม ๒๐ แปลง ให้กับจำเลย ในราคา ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๑๑ นายศิริ อินทร์เมือง ได้นำนิติกรรมขายที่ดิน ๒ แปลงนั้นให้จำเลย และพนักงานเจ้าหน้าที่ได้จดทะเบียนใส่ชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แล้ว แต่จำเลยยังไม่ได้ชำระราคาให้ วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๑ จำเลยหาหนังสือสัญญาให้นายศิริ อินทร์เมือง ไว้เป็นหลักฐาน มีข้อความว่า จำเลยจะชำระค่าที่ดินให้นายศิริ อินทรเมืองหรือโจทก์ ภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๑๒ ถ้าผิดนัด จำเลยต้องโอนที่ดินคืนทันที ครั้นถึงกำหนด จำเลยผิดนัด ไม่ชำระราคาที่ดิน ขอให้บังคับจำเลยทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้ง ๒๐ แปลงตามฟ้องคืนให้โจทก์ ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา แต่ถ้าไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ได้ ก็ให้จำเลยชดใช้เงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายศิริ อินทร์เมือง ไถ่ถอนการจำนองที่ดินตามฟ้อง ซึ่งโจทก์จำนองไว้กับบริษัทเกียรตินันทวัฒน์ จำกัด แล้วในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๑๑ นายศิริ อินทร์เมือง ได้ทำนิติกรรมขายที่ดินดังกล่าวในนามของโจทก์ผู้ขาย ให้จำเลยเป็นเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยชำระเงินให้นายศิริ อินทร์เมือง แล้ว ตามใบรับเงินลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๑๑ ส่วนหนังสือสัญญาลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๑ เป็นสัญญาระหว่างจำเลยกับนายศิริ อินทร์เมือง เมื่อนายศิริ อินทร์เมือง ถึงแก่กรรม สัญญานี้จึงสิ้นสุดลง โจทก์ไม่ใช่คู่สัญญาจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้ง ๒๐ แปลง ตามฟ้องคืนให้โจทก์ ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนากับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ตามหนังสือสัญญาขายที่ดินฉบับลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๑๑ จะระบุว่าผู้ขายได้รับค่าที่ดินแล้ว แต่โจทก์ก็ได้ตั้งประเด็นไว้ในคำฟ้องด้วยว่าจำเลยยังไม่ได้ชำระราคาที่ดินให้โจทก์ ดังนั้น เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๑ จำเลยทำหนังสือสัญญาให้นายศิริ อินทร์เมือง ตัวแทนโจทก์ว่าจะชำระค่าที่ดินให้ภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๑๒ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะนำสืบได้ว่าได้มีการตกลงทำสัญญาอีกฉบับหนึ่ง แก้ไขหนังสือสัญญาขายที่ดินเดิม ในเรื่องเงินค่าที่ดินว่า จำเลยยังไม่ได้ชำระให้ และจะชำระกันอย่างไร การนำสืบดังกล่าวนี้ไม่ใช่เป็นการนำสืบพยานบุคคลมาสืบเพิ่มเติบตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔
เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าที่ดินให้โจทก์ภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๑๒ ก็ต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามฟ้องทั้งหมดคืนให้โจทก์ตามสัญญาหมาย จ.๑ จะอ้างว่า โจทก์ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับจำเลย และเมื่อนายศิริ อินทร์เมือง ถึงแก่กรรม สัญญานี้เป็นอันสิ้นสุดนั้นไม่ได้ เพราะนายศิริ อินทร์เมือง ทำสัญญาหมาย จ.๑ ในฐานะเป็นตัวแทนโจทก์ตามใบมอบอำนาจหมาย ล.๑ นั่นเอง และสัญญาเช่นนี้ไม่มีกฎหมายบังคับว่า ต้องทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็มีผลใช้บังคับกันได้ ไม่ตกเป็นโมฆะ
พิพากษายืน

Share