คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2978/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สาระสำคัญที่จะทำให้ผู้ค้ำประกันหลายคนในหนี้รายเดียวกันต้องรับผิดร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 682 วรรคสองก็คือการยอมตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายเดียวกันโดยไม่จำต้องทำสัญญาเป็นฉบับเดียวกัน หรือต้องแสดงเจตนาโดยแน่ชัดว่าจะร่วมกันรับผิดต่อเจ้าหนี้ใน มูลหนี้รายเดียวกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์ตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์โดยสารประจำทาง จำเลยที่ 3เป็นผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 โดยทำสัญญาค้ำประกันยอมรับผิดต่อโจทก์ในวงเงิน 15,000 บาท จำเลยที่ 1ปฏิบัติหน้าที่ตามทางการที่จ้างทำความเสียหายแก่โจทก์คือ จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยสารประจำทาง สาย 72คันหมายเลขทะเบียน 1 ข-4582 กรุงเทพมหานคร ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง ขับรถด้วยความเร็วสูง ชนรถจักรยานยนต์คันหมายเลข กรุงเทพมหานคร 8 ข-0073 เสียหายคิดเป็นเงิน6,800 บาท และทำให้นายลิ่มสู แซ่เอี้ยม ผู้ขับถึงแก่ความตายโจทก์จ่ายค่าสินไหมทดแทนและค่าปลงศพเป็นเงิน 25,000 บาทโจทก์หักค่าจ้างของจำเลยที่ 1 ชดใช้หนี้เป็นเงิน 7,048 บาทและได้รับการชดใช้จากผู้ค้ำประกันรายอื่นจำนวน 10,000 บาทโจทก์ทวงถาม จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 14,752 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองขาดนัดและขาดนัดพิจารณา
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน14,752 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้จำเลยที่ 2ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 5,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จโจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 เข้าทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1ต่อโจทก์มีเจตนาที่จะเข้าผูกพันตนต่อโจทก์ในความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้นในวงเงินไม่เกิน 15,000 บาทแต่เพียงผู้เดียว จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดชดใช้หนี้ตามสัญญาค้ำประกันแก่โจทก์ในจำนวนเงิน 15,000 บาท แม้จะมีผู้ค้ำประกันรายอื่นชดใช้หนี้ของตนแล้วก็ตาม ส่วนกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 682 วรรคสองเป็นกรณีที่บุคคลหลายคนยอมตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายเดียวกัน โดยทำสัญญาฉบับเดียวกันหรือแสดงเจตนาโดยแน่ชัดว่าจะร่วมกันรับผิดต่อเจ้าหนี้ในมูลหนี้รายเดียวกันนั้นร่วมกันในวงเงินจำนวนที่กำหนด จึงถือว่าเป็นหนี้ลูกหนี้ร่วมกันและรับผิดร่วมกันไม่เกินจำนวนที่กำหนดนั้นศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์ ตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์โดยสารประจำทาง จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 โดยยอมรับผิดต่อโจทก์อย่างลูกหนี้ร่วมในวงเงิน 15,000 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงาน ทำให้โจทก์เสียหายเป็นเงินจำนวน 31,800 บาทโจทก์ได้หักค่าจ้างจำเลยที่ 1 จำนวน 7,048 บาท และได้รับชดใช้ค่าเสียหายบางส่วนจากผู้ค้ำประกันรายอื่นจำนวน 10,000 บาทคงค้างอีก 14,752 บาท เห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 682 วรรคสอง บัญญัติว่า “ถ้าบุคคลหลายคนยอมตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายเดือนกันไซร้ ท่านว่าผู้ค้ำประกันเหล่านั้นมีความรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกัน แม้ถึงว่าจะมิได้เข้ารับประกันรวมกัน” สาระสำคัญที่จะทำให้ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดร่วมกันตามบทบัญญัติดังกล่าวก็คือการยอมตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายเดียวกัน หาจำต้องทำสัญญาฉบับเดียวกัน หรือต้องแสดงเจตนาโดยแน่ชัดว่าจะร่วมกันรับผิดต่อเจ้าหนี้ในมูลหนี้รายเดียวกันดังโจทก์อุทธรณ์ไม่ คำพิพากษาศาลแรงงานกลางชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share