แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่ 1 เดินตามจำเลยที่ 2 ไปที่โต๊ะของโจทก์ร่วมที่ 2 โดยต่างมีมีดติดตัวไปด้วย และจำเลยที่ 2 ใช้มีดปักลงที่โต๊ะโจทก์ร่วมที่ 2 เช่นนั้น เป็นการที่จำเลยทั้งสองร่วมกันก่อเหตุทะเลาะวิวาทขึ้นก่อน แล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้มีดแทงทำร้ายโจทก์ร่วมที่ 2 เมื่อผู้ตายลุกขึ้นช่วยโจทก์ร่วมที่ 2 ในขณะที่โจทก์ร่วมที่ 2 กับจำเลยทั้งสองชุลมุนแย่งมีดกัน จำเลยที่ 2 ใช้มีดแทงผู้ตายไปทันทีนั้น แล้วจำเลยทั้งสองวิ่งหลบหนีไปด้วยกันเช่นนี้ ย่อมเล็งเห็นเจตนาของจำเลยที่ 1 ได้ว่า จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำผิดมาตั้งแต่แรก ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการที่จำเลยที่ 2 แทงผู้ตายถึงแก่ความตาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้มีดฟันแทงนายชาลี ประสานพันธ์เป็นเหตุให้นายชาลีถึงแก่ความตาย และร่วมกันพยายามฆ่านายบุญมี ประสานพันธ์ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 91
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างการพิจารณานางอุดร ประสานพันธ์ มารดาของนายชาลีประสานพันธ์ ผู้ตายและนายบุญมี ประสานพันธ์ ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต โดยให้เรียกนางอุดรว่าโจทก์ร่วมที่ 1 และเรียกผู้เสียหายว่าโจทก์ร่วมที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 และ 288, 83 ประกอบมาตรา 80 ลงโทษฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำเลยทั้งสองอายุ 19 ปี กระทำความผิดไปโดยรู้ผิดชอบดีแล้ว ไม่สมควรลดมาตราส่วนโทษให้และให้ระวางโทษในสถานหนัก โดยจำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต คำให้การของจำเลยทั้งสองในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับเป็นเหตุบรรเทาโทษเห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 33 ปี 4 เดือน
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้ตาย ส่วนข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าโจทก์ร่วมที่ 2 ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 อายุ 19 ปีไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 83 ประกอบมาตรา 80 มีกำหนด 10 ปี คำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ในการพิจารณา ลดโทษให้จำเลยที่ 1 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1มีกำหนด 6 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองใช้มีดแทงทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมที่ 2 ได้รับบาดเจ็บ และจำเลยที่ 2ใช้มีดแทงทำร้ายนายชาลี ประสานพันธ์ ผู้ตายถึงแก่ความตาย โดยก่อนเกิดเหตุจำเลยทั้งสองนั่งดื่มสุราอยู่โต๊ะหนึ่ง ฝ่ายโจทก์ร่วมที่ 2 กับพวก นั่งดื่มสุราอีกโต๊ะหนึ่ง จำเลยทั้งสองไม่พอใจฝ่ายโจทก์ร่วมที่ 2 จึงลุกไปที่โต๊ะของโจทก์ร่วมที่ 2 ด้วยกัน โดยจำเลยที่ 2 เอามีดปักลงที่โต๊ะโจทก์ร่วมที่ 2 ก่อน การที่จำเลยที่ 1เดินตามจำเลยที่ 2 ไปที่โต๊ะของโจทก์ร่วมที่ 2 โดยต่างมีมีดติดตัวไปด้วย จำเลยที่ 2 ใช้มีดปักลงที่โต๊ะโจทก์ร่วมที่ 2 เช่นนั้นเป็นการที่จำเลยทั้งสองร่วมกันก่อเหตุทะเลาะวิวาทขึ้นก่อนแล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันแทงทำร้ายโจทก์ร่วมที่ 2 เมื่อผู้ตายลุกขึ้นช่วยโจทก์ร่วมที่ 2 ในขณะที่โจทก์ร่วมที่ 2 กับจำเลยทั้งสองชุลมุนแย่งมีดกัน จำเลยที่ 2 ใช้มีดแทงผู้ตายไปทันทีนั้น แล้วจำเลยทั้งสองวิ่งหลบหนีไปด้วยกันเช่นนี้ ย่อมเล็งเห็นเจตนาของจำเลยที่ 1 ได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำผิดมาตั้งแต่แรกจึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการที่จำเลยที่ 2 แทงผู้ตายถึงแก่ความตาย
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับจำเลยที่ 1 ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1