แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ตายร้องด่าจำเลยขณะจำเลยกับพวกเดินผ่านไป จำเลยกับพวกย้อนกลับมาแล้วเกิดทะเลาะท้าชกกับผู้ตาย ผู้ตายขี่รถจักรยานจะไปตามพวกก็ถูก อ.พวกของจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายวิ่งหนีอ.ถือมีดวิ่งไล่ตามแทงผู้ตายอีกโดยจำเลยวิ่งไล่ตามผู้ตายมาด้วยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีส่วนร่วมยุยงส่งเสริมให้ อ. แทงผู้ตายอ. อาจตัดสินใจกระทำเองก็เป็นได้ พฤติการณ์แห่งคดีมีข้อระแวงสงสัย สมควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นคุณแก่จำเลยแต่การที่จำเลยพาพวกมาท้าผู้ตายชกจนผู้ตายจะไปตามพวกมาช่วยเป็นกรณีสมัครใจจะทำร้ายกัน ฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับ อ.ทำร้ายผู้ตาย เมื่อผลการกระทำร้ายทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายจำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 83 ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 กึ่งหนึ่ง จำคุก 8 ปีคำให้การจำเลยและทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสี่แล้วคงจำคุกจำเลยมีกำหนด 6 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุไม่เกิน 17 ปีลดมาตราส่วนโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 กึ่งหนึ่งจำคุก 3 ปี ข้อความที่จำเลยนำสืบเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ และลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 หนึ่งในสี่ แล้วคงจำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี 3 เดือน
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังในเบื้องต้นได้ว่า ในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง นายมนัส มะตังผู้ตายถูกนายอี๊ดซึ่งมากับจำเลยใช้มีดแทงที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายทะลุปอด และที่เหนือข้อศอกด้านซ้ายจนถึงแก่ความตาย คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยร่วมกับนายอี๊ดกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ปัญหานี้โจทก์มีนายวันชัย จามจุรี นายมานิตย์หรือนุชหรือมุด มุติภัย และนายจเรหรือมงคลหรือปิ๋ว บารอเฮมเป็นประจักษ์พยาน นายวันชัยเบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุขณะนายวันชัยกับผู้ตายนั่งฟังวิทยุอยู่ที่บริเวณที่ตั้งแท็งก์น้ำประจำหมู่บ้านสวนหลวงจำเลยกับนายอี๊ดพวกจำเลยเดินผ่านมาผู้ตายด่าจำเลยด้วยถ้อยคำหยาบ จำเลยกับพวกไม่โต้ตอบคงเดินผ่านไปเฉย ๆ ต่อมาประมาณ 30 นาที จำเลยกับพวกมีนายอี๊ด นายมานิตย์หรือนุชหรือมุด และนายจเรหรือมงคลหรือปิ๋วมาพบผู้ตายแล้วเกิดทะเลาะโต้เถียงกันระหว่างผู้ตายกับพวกจำเลยผู้ตายท้าจำเลยชก จำเลยปฏิเสธไม่ยอมชกด้วย โดยเสนอให้นายอี๊ดชกแทน ผู้ตายเห็นพวกจำเลยมีมากกว่า จึงขี่รถจักรยานสองล้อจะไปตามพวกมาช่วย ครั้นขี่ไปถึงหน้าประตูทางเข้าบริเวณที่ตั้งแท็งก์น้ำ ผู้ตายทิ้งรถจักรยานสองล้อวิ่งกลับมา มีโลหิตไหลที่แขนซ้าย นายอี๊ดถือมีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 คืบ วิ่งตามแทงผู้ตาย จำเลยวิ่งตามผู้ตายมาด้วย ผู้ตายปีนหนีไปตามคานเหล็กที่ตั้งแท็งก์น้ำไปชั้นที่สาม นายอี๊ดปีนตามไปอยู่ที่ชั้นที่หนึ่งจำเลยหยุดยืนอยู่ข้างล่าง หลังจากนั้นจำเลยกับพวกก็พากันกลับไปนายมานิตย์หรือนุชหรือมุดกับนายจเรหรือมงคลหรือปิ๋วเบิกความว่า ขณะเกิดเหตุ นายอี๊ดแทงผู้ตายแล้ววิ่งไล่ตามผู้ตายเพื่อแทงซ้ำ จำเลยวิ่งไล่ตามนายอี๊ดพร้อมร้องห้ามไม่ให้นายอี๊ดแทงผู้ตายซ้ำอีก เห็นว่าประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสามเบิกความฟังตรงกันได้ว่า เมื่อผู้ตายหนีขึ้นไปบนคานเหล็กชั้นสามแล้วนายอี๊ดมิได้ปีนคานเหล็กขึ้นไปแทงผู้ตายซ้ำอีก กรณีอาจเป็นเพราะจำเลยร้องห้ามไว้ก็เป็นได้ ที่จำเลยตามนายอี๊ดมาพบผู้ตายมีการท้าชกกัน แล้วผู้ตายขี่รถจักรยานสองล้อไปเพื่อตามพวกจนถูกนายอี๊ดแทงและไล่แทงซ้ำ ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีส่วนร่วมยุยงส่งเสริมในการแทงผู้ตายของนายอี๊ด การกระทำของนายอี๊ดอาจเป็นกรณีที่นายอี๊ดตัดสินใจขึ้นเองก็เป็นได้ พฤติการณ์แห่งคดีมีข้อระแวงสงสัยด้วยเหตุผลดังกล่าว สมควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้เป็นคุณแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 แต่การที่จำเลยพาพวกมาท้าผู้ตายชก จนผู้ตายจะไปตามพวกมาช่วยด้วยเป็นกรณีที่จำเลยกับพวกและผู้ตายต่างสมัครใจจะทำร้ายกัน จึงฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับนายอี๊ดทำร้ายผู้ตาย แต่ผลการทำร้ายทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานร่วมทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาซึ่งต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น ที่จำเลยฎีกาขอให้ลดโทษหรือรอการลงโทษแก่จำเลยนั้น เห็นว่า โทษที่ศาลอุทธรณ์วางไว้ มีกำหนด 2 ปี3 เดือน เหมาะสมกับรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นอีก ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน