คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2940/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่ามีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวตลอดมา จนถึงวันฟ้อง ลักษณะการกระทำของจำเลยได้กระทำต่อเนื่องกัน มายังมิได้หยุด การกระทำละเมิดของจำเลยได้เกิดขึ้นและ มีอยู่ในขณะฟ้อง คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ฎีกาจำเลยที่ว่า การฟ้องเรียกค่าทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 จะต้องฟ้องหย่าเสียก่อนจึงจะเรียกค่าทดแทนได้นั้นเป็นฎีกาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การจำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ การเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง ไม่มีเงื่อนไขว่าภริยาต้องฟ้องหย่าสามีเสียก่อนจึงจะฟ้องเรียก ค่าทดแทนจากหญิงนั้นได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อปี 2517 โจทก์กับนายวารินทร์ ภัททิยกุลเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย มีบุตรด้วยกัน 2 คนเมื่อประมาณกลางปี 2529 จนถึงปัจจุบันจำเลยมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์ ทั้งที่จำเลยทราบดีว่าสามีโจทก์มีบุตรและภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว พฤติการณ์ดังกล่าวโจทก์ไม่ได้ให้ความยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้จำเลยกระทำการนี้แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้า เสื่อมเสียชื่อเสียง ครอบครัวของโจทก์ต้องประสบกับความร้าวฉานจนอาจถึงขั้นแตกแยก เป็นการทรมานจิตใจของโจทก์ และบุตรทั้งสองคนของโจทก์อย่างร้ายแรงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินเป็นค่าทดแทนจำนวน 500,000 บาทและค่าเสียหายเป็นรายเดือนเดือนละ 25,000 บาท ทุกเดือนนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะเลิกแสดงตนและเลิกมีความสัมพันธ์ในทางชู้สาวกับสามีโจทก์แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยกับสามีโจทก์มิได้มีความสัมพันธ์ในทางชู้สาวโจทก์ทราบเหตุการกระทำของจำเลยที่โจทก์ถือเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์และเป็นข้ออ้างฟ้องคดีนี้เมื่อประมาณกลางปี 2529 โจทก์ต้องนำคดีมาฟ้องต่อศาลภายในกำหนด1 ปี นับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1529 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2532คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 60,000 บาทให้แก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าโจทก์และนายวารินทร์ ภัททิยกุล เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีโจทก์ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า คดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องหรือไม่ เห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าจำเลยได้มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวตั้งแต่กลางปี 2529 ตลอดมาจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ ลักษณะการกระทำของจำเลยได้กระทำต่อเนื่องกันมายังมิได้หยุดการกระทำการกระทำละเมิดของจำเลยได้เกิดขึ้นและมีอยู่ในขณะฟ้องคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
ที่จำเลยฎีกาว่า การฟ้องเรียกค่าทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 จะต้องฟ้องหย่าเสียก่อนจึงจะเรียกค่าทดแทนได้นั้น เห็นว่าปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ จำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาได้การเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสองมิได้มีเงื่อนไขว่าภริยาต้องฟ้องหย่าสามีเสียก่อนจึงจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงนั้นได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง”
พิพากษายืน

Share