แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ระเบียบการส่งและรับแสตมป์อากรและแสตมป์อากรมหรสพระหว่างกรมสรรพากรกับกรมไปรษณีย์ มุ่งประสงค์มิให้หีบห่อสูญหายทั้งเป็นแต่เพียงข้อตกลงที่วางเป็นระเบียบขึ้นไว้ หาใช่กฎหมายไม่เมื่อหีบห่อเรียบร้อยแต่แสตมป์อากรที่บรรจุอยู่ในหีบห่อสูญหายไปนั้น หาใช่ผลโดยตรงหรือเนื่องมาจากการที่จำเลยจ่ายแก่ผู้รับที่ไม่มีใบมอบอำนาจอันเป็นการผิดระเบียบไม่ ดังนี้แล้ว ความเสียหายนั้นก็มิได้เกิดจากการกระทำของจำเลย จำเลยไม่ต้องรับผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2491 เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรได้ส่งแสตมป์รวมจำนวน 20 แผ่น ๆ ละ 100 ดวงรวม 2,000 ดวงเป็นราคา 10,000 บาท เจ้าหน้าที่สรรพากรได้บรรจุหีบห่อโดยมีคณะกรรมการจัดห่อมีครั่งประจำตราบนหีบห่อเรียบร้อย ส่งเป็นพัสดุไปรษณีย์จากที่ทำการไปรษณีย์หน้าพระลาน จังหวัดพระนครถึงที่ทำการไปรษณีย์จังหวัดภูเก็ต เพื่อส่งต่อแผนกสรรพากรจังหวัดภูเก็ต หีบห่อพัสดุไปรษณีย์ถึงที่ทำการไปรษณีย์จังหวัดภูเก็ตในสภาพเรียบร้อย ไม่มีรอยแตกอย่างใด จำเลยนี้เป็นเจ้าพนักงานไปรษณีย์จังหวัดภูเก็ตมีหน้าที่รับและเก็บรักษาและส่งพัสดุไปรษณีย์ดังกล่าวจำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบในการจัดส่งหีบห่อไปรษณีย์แสตมป์ ซึ่งกรมสรรพากรและกรมไปรษณีย์ได้มีข้อตกลงตั้งเป็นระเบียบไว้กล่าวคือเมื่อจำเลยได้รับหีบห่อพัสดุแสตมป์ในวันที่ 7 ธันวาคม 2491 จำเลยไม่ทำใบแจ้งความถึงคณะกรรมการจังหวัดภูเก็ตให้รีบมารับหีบห่อพัสดุแสตมป์อากรนั้น จนถึงวันที่ 9 ธันวาคม 2491 จำเลยจึงได้โทรศัพท์แจ้งต่อนายจรุง ผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดภูเก็ตให้ไปรับและจำเลยได้จ่ายหีบห่อพัสดุแสตมป์อากรนั้น ให้แก่นายจรุงไปโดยไม่มีใบมอบอำนาจจากคณะกรมการจังหวัดภูเก็ตให้มารับแทนในวันนั้นเองนายจรุงได้เปิดห่อพัสดุแสตมป์อากรต่อหน้ากรรมการปรากฏว่าแสตมป์อากรราคา 10,000 บาท ในหีบห่อนั้นศูนย์หายไป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้เสียหายและชี้ขาดว่าแสตมป์อากรศูนย์หายไปเพราะจำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อตกลงที่กรมสรรพากรและกรมไปรษณีย์โทรเลขได้วางไว้ และชี้ขาดให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายครึ่งหนึ่งของจำนวนราคาแสตมป์อากร ที่ศูนย์หายไปเป็นเงิน 5,000 บาท จำเลยเพิกเฉยจึงขอให้จำเลยใช้เงินดังกล่าวนี้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานของกรมไปรษณีย์ทุกประการแล้ว ในการจ่ายหีบห่อครั้งนี้จำเลยได้ตรวจเห็นถูกต้องตรงกับน้ำหนักที่ส่งจริงจากต้นทางไปรษณีย์ และไม่มีการบุบสลายอย่างใด จำเลยจึงได้จ่ายให้กับนายจรุงซึ่งมารับด้วยตนเอง และการจ่ายให้แก่นายจรุงเช่นนี้ได้ปฏิบัติเรียบร้อยตลอดมาหลายคราวแล้ว ข้อตกลงระหว่างกรมสรรพากรและกรมไปรษณีย์ดังกล่าวไม่ใช่กฎหมาย จำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์ คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ที่อ้างว่าเพิ่งทราบนั้นไม่จริง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความและการกระทำของจำเลยยังไม่เป็นละเมิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 จำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่มีความเห็นแย้งของผู้พิพากษานายหนึ่งว่าไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาที่ได้วินิจฉัยไปถึงจำเลยได้กระทำผิดหน้าที่และผิดวินัยข้าราชการ คงเห็นพ้องด้วยในผลที่ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาคัดค้านว่า การกระทำของจำเลยที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบวินัยเป็นการขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชา จนเป็นให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์ของโจทก์ จำเลยต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420
เนื่องจากพระราชบัญญัติว่าด้วยระเบียบบริหารแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2476 ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินพ.ศ. 2493 มาตรา 3 ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเลื่อนคดีไปเพื่อให้โอกาสแก่ฝ่ายโจทก์ ที่จะจัดหาผู้รับมอบอำนาจจากกระทรวงการคลังมาดำเนินคดีต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 45
บัดนี้โจทก์ได้ยื่นใบมอบอำนาจของกระทรวงการคลัง ซึ่งได้มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตดำเนินคดีแก่จำเลย และผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้แต่งตั้งทนายมาดำเนินคดีแล้ว ศาลฎีกาจึงรับไว้พิจารณาต่อไป
ศาลฎีกาเห็นว่า ระเบียบการส่งและรับแสตมป์อากรและแสตมป์อากรมหรสพเป็นเพียงข้อตกลง ระหว่างกรมสรรพากรกับกรมไปรษณีย์ได้วางระเบียบขึ้นไว้ หาใช่เป็นข้อกฎหมายไม่ ปรากฎจากคำปรารภของระเบียบว่า “เพื่อให้การจัดส่งและรับแสตมป์อากรกับแสตมป์อากรมหรสพรัดกุมดีขึ้น อันจะเป็นทางป้องกันมิให้หีบห่อบรรจุแสตมป์สูญหายได้ง่ายดาย” ระเบียบข้อบังคับนี้มิได้มุ่งจะป้องกัน เรื่องบรรจุภายใน ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก เรื่องนี้ปรากฏว่าหีบห่ออยู่เรียบร้อยดีพร้อมด้วยครั่งประจำตราประทับบนหีบ ได้มีการมอบส่งถึงผู้รับเสร็จสิ้นแล้ว โดยนายจรุงรับไปเปิดต่อหน้ากรรมการตรวจรับส่วนของที่บรรจุอยู่ภายในหีบห่อนั้นจะมีอยู่เท่าใดหรือไม่มิใช่หน้าที่ของจำเลยจะต้องรู้และรับผิดชอบ เช่นนี้แม้ว่าจำเลยได้จ่ายหีบห่อให้แก่นายจรุง โดยนายจรุงมีใบมอบอำนาจมาแสดงเป็นหลักฐานก็หากระทำให้แสตมป์อากรที่บรรจุอยู่ภายหีบห่อซึ่งสูญหายไปแล้วนั้นกลับมีขึ้นมาได้ไม่อันเป็นข้อแสดงให้เห็นว่าการที่แสตมป์อากรที่บรรจุอยู่ภายในหีบห่อสูญหายไปนั้น หาใช่เป็นผลโดยตรงหรือเนื่องมาจากที่ผู้รับหีบห่อไม่มีใบมอบอำนาจมาเป็นหลักฐานไม่ จะยกข้อบังคับนี้มาปรับให้เป็นความผิดของจำเลยหาถูกต้องไม่ เพราะความเสียหายนั้นมิได้เกิดจากการกระทำของจำเลย
พิพากษายืน