คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2486

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทฟ้องจำเลยเปน 2 กะทงโดยแยกข้อหาเปนข้อ ก. และ ข.ตอนท้ายข้อ ข. ได้ระบุสถานที่ ๆ จำเลยกะทำผิดว่าเหตุเกิดที่ตำบลบ่อเกลือเหนือและบ่อเกลือไต้ อำเพอบัว จังหวัดน่าน เมื่ออ่านฟ้องประกอบกันแล้ว จำเลยควนจะเข้าไจข้อหาได้ดีเช่นนี้ย่อมไม่เปนฟ้องที่เคลือบคลุม
โจทระบุไนฟ้องว่าจำเลยทำผิดวันที่ 12-13 เมสายน 2482 ดังนี้ ไม่เปนฟ้องเคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทฟ้องจำเลยเปนข้อหา ๒ กะทงโดยแยกเปนข้อ ก.และ ข. คือไนข้อ ก.โจทหาว่าจำเลยสมคบกันลักกะบือ ไนข้อ ข. หาว่าจำเลยสมคบกันคากะบือนั้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานและเอาเนื้อขายไห้แก่ผู้มีชื่ออีกด้วย ไนข้อ ก. โจทมิได้ระบุว่าจำเลยกะทำผิดนะตำบนได เปนแต่ลงท้ายข้อ ข. ว่า ” ทั้งนี้เหตุเกิดที่ตำบนบ่อเกลือเหนือและบ่อเกลือไต้ อำเพอบัว จังหวัดน่าน และไนฟ้องข้อ ข. ระบุว่าจำเลยทำผิดวันที่ ๑๒ – ๑๓ เมสายน
สาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องข้อ ก. มิได้ระบุที่เกิดเหตุ จึงนับว่าฟ้องข้อนี้ขาดสาระสำคันตาม ป.ว.อ. มาตรา ๑๕๘ ( ๕ )จึงเปนฟ้องเคลื่อนคลุมพิพากสายกฟ้องโจท
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์เห็นว่าฟ้องของโจทได้ความพอแล้ว ไม่เคลือบคลุม จึงไห้สาลชั้นต้นพิจารนาพิพากสาต่อไป
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่าฟ้องของโจทไนคดีนี้ แม้โจทควนจะเขียนไห้ดีกว่านี้ก็จิง แต่ก็ไม่ถึงเคลือบคลุม เพราะถ้าอ่านทั้งหมดประกอบกันแล้ว จำเลยควนจะเข้าไจข้อหาได้ดีว่า โจทฟ้องตนไนการกะทำผิดหย่างได โดยฉเพาะหย่างยิ่งไนคดีนี้เมื่อสาลชั้นต้นถามคำไห้การจำเลย ๆ ก็หาได้สแดงว่าตนไม่เข้าใจด้วยเหตุไดไม่จึงพิพากสายืน

Share