แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนได้เข้าไปเพื่อจะลักเอาไก่ที่จำเลยเลี้ยงไว้ แต่ได้ไปสะดุดสายไฟฟ้าที่ จำเลยผูกกับกระป๋องน้ำอัดลมทำให้เกิดเสียงดังขึ้น ผู้ตายทั้งสองจึงออกมายืนซุ่ม เพื่อรอดูเหตุการณ์และก็ยังประสงค์ที่จะเข้าไปลักเอาไก่ของจำเลยอยู่อีก เพราะมิฉะนั้น ผู้ตายทั้งสองคงจะหลบหนีไปได้เนื่องจากมีเวลาเพียงพอกว่าที่ จำเลยจะตื่นขึ้นและตามหาได้ ดังนั้น พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าภยันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่ทรัพย์ของจำเลยยังมีอยู่และใกล้จะถึงแล้ว การที่จำเลยใช้จอบตีผู้ตายทั้งสองจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันทรัพย์ของตน อย่างไรก็ตามเนื่องจากขณะที่จำเลยใช้จอบตีผู้ตายทั้งสองนั้น ไม่ปรากฏว่าผู้ตายทั้งสองจะทำร้ายหรือต่อสู้จำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบ มาตรา 69
ปัญหาที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน เป็นปัญหา ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ลวดมัดเหล็กปล่อยกระแสไฟฟ้าช๊อตตามร่างกายของเด็กชายเอกชัย ตะครามจันทร์ และเด็กชายถวิล ทองจันทร์ ผู้ตายทั้งสอง และใช้จอบเป็นอาวุธทุบตี ฟันทำร้ายร่างกายผู้ตายทั้งสองอย่างแรงโดยเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นเหตุให้ผู้ตายทั้งสองถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายพัฒน์พงษ์ ตะครามจันทร์ บิดาของเด็กชายเอกชัย ตะครามจันทร์ ผู้ตาย และ นางสมบูรณ์ ทองจันทร์ มารดาของเด็กชายถวิล ทองจันทร์ ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต โดยให้เรียกนายพัฒน์พงษ์เป็นโจทก์ร่วมที่ ๑ และเรียกนางสมบูรณ์เป็นโจทก์ร่วมที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ จำคุกตลอดชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสาม โดยให้เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก ๕๐ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๓, ๗๘ คงให้จำคุก ๓๓ ปี ๔ เดือน ริบจอบของกลาง คืนลวดมัดเหล็กแก่เจ้าของ ส่วนคำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ๔ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่จอบของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด จึงให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความจากพยานโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองแสดงให้เห็นว่าในคืนเกิดเหตุผู้ตายคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนได้เข้าไปยังบริเวณเพิงที่พักของจำเลยเพื่อจะลักเอาไก่ที่จำเลยเลี้ยงไว้ แต่ได้ไปสะดุดสายไฟฟ้าที่จำเลยผูกกับกระป๋องน้ำอัดลมทำให้เกิดเสียงดังขึ้น ผู้ตายทั้งสองจึงต้องออกมายืนซุ่มอยู่ห่างจากเพิงที่พักประมาณ ๑๐ เมตร เพื่อรอดูเหตุการณ์และก็ยังประสงค์ที่จะเข้าไปลักเอาไก่ของจำเลยอยู่อีก เพราะมิฉะนั้นผู้ตายทั้งสองคงจะหลบหนีไปได้เนื่องจากมีเวลาเพียงพอว่าที่จำเลยจะตื่นขึ้นและตามหาได้ ดังนั้น พฤติการณ์ของผู้ตายทั้งสองเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าภยันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่ทรัพย์ของจำเลยยังมีอยู่และใกล้จะถึงแล้ว การที่จำเลยใช้จอบตีผู้ตายทั้งสองดังกล่าวจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันทรัพย์ของตน อย่างไรก็ตามเนื่องจากขณะที่จำเลยใช้จอบตีผู้ตายทั้งสองนั้น ไม่ปรากฏว่าผู้ตายทั้งสองจะทำร้ายหรือต่อสู้จำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๖๙ ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ พิพากษายกฟ้องมานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๖๙ , ๕๓ จำคุก ๒๗ ปี จำเลยให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑๘ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๔