คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วจำเลยที่ 1 และที่ 2 ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่นำค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงเป็นอุทธรณ์ไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ชอบที่จะปฏิเสธไม่รับวินิจฉัยให้การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นการมิชอบและถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีสิทธิฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินตามสัญญาซื้อขายและสัญญาค้ำประกันจำนวน13,872,368.64 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน13,267,167.70 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสี่ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1และที่ 2 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 13,872,368.64 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 13,267,167.70 บาท และให้จำเลยที่ 3และที่ 4 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำนวนเงิน 11,000,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันนับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 11 กันยายน 2541)จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้เนื่องจากจำเลยที่ 1 ปิดดำเนินกิจการชั่วคราวและจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการได้เดินทางไปติดต่อเจรจากู้เงินกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ในหลาย ๆ จังหวัดจึงไม่ได้พักอาศัยอยู่ ณภูมิลำเนาที่โจทก์ระบุในคำฟ้อง จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตามคำฟ้อง ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว ขอให้พิจารณาใหม่

โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่า เจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2โดยชอบแล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2 จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้อง ต่อมาศาลชั้นต้นงดไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 และที่ 2ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2จะต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ชอบที่จะปฏิเสธไม่รับวินิจฉัยให้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงเป็นการมิชอบ และถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 และที่ 2จึงไม่มีสิทธิฎีกาต่อมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 และยกฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2

Share