คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2925/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุชกต่อยและยิงจำเลยก่อน จำเลยวิ่งหนีก็ยังติดตามจะใช้อาวุธปืนยิงอีก การที่จำเลยหันกลับมายิงผู้ตายในขณะนั้นถือได้ว่าเป็นการป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุ ซึ่งเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยไม่มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 10 ปี ริบอาวุธปืนของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า “ปัญหามีว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ได้ความจากนายวัน จารุเอียด และ นายคล้ำ แก้วปัญญา พยานโจทก์ซึ่ง ร่วมดื่มสุรากับจำเลยและผู้ตายว่าเมื่อจำเลยไปถึงผู้ตายได้พูดต่อว่าจำเลยเรื่องที่ห้ามผู้ตายวิดบ่อปลาในที่ดินของการรถไฟกับที่ดินจำเลยแล้วเกิดโต้เถียงกัน จำเลยนั่งลงก็ถูกผู้ตายชกต่อยใบหน้าพร้อมกับตบปืนที่ผู้ตายพกติดตัวอยู่ จำเลยลุกขึ้นวิ่งหนี ผู้ตายได้ใช้ปืนยิงจำเลย 1 นัด แล้วลงจากแคร่ที่นั่งดื่มสุรากันติดตามจ้องปืนไปทางจำเลย จำเลยจึงหันกลับชักปืนออกมายิงผู้ตาย 1 นัด และยังได้ความจากคำเบิกความของนายวันอีกว่าจำเลยได้วิ่งหนีไปจนตกคูแล้วผู้ตายยังถือปืนจ้องไปที่จำเลย ผู้ตายมีความประพฤติแบบนักเลง อาวุธปืนของผู้ตายยังมีกระสุนปืนบรรจุอยู่อีก 5 นัด ผู้ตายอาจจะยิงจำเลยอีกก็ได้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้ถึงตัวจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะกระทำการใด ๆ เพื่อยับยั้งมิให้ผู้ตายคุกคามตนต่อไปได้จำเลยยิงผู้ตายเพียงนัดเดียวถูกบริเวณหน้าอก เชื่อว่าจำเลยยิงขณะที่ถูกผู้ตายติดตามไปจริงกระสุนปืนจึงถูกด้านหน้า ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุ ชกต่อยทำร้ายร่างกายและยิงจำเลยก่อน จำเลยวิ่งหนีก็ยังติดตามจะใช้อาวุธปืนยิงอีก การที่จำเลยหันกลับมายิงผู้ตายในขณะนั้นถือได้ว่าเป็นการป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุซึ่งเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิดดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ซึ่งศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน คืนอาวุธปืนของกลางให้จำเลย

Share