แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมปรึกษาหารือกันมาก่อนเป็นลำดับโดยให้จำเลยทั้งสองทำทีเป็นเข้าไปขอเช่าที่ดินจากผู้เสียหายทั้งสอง เพื่อสร้างความสนิทสนมไว้เบื้องต้นก่อน ซึ่งจะเป็นช่องทางที่จะชักนำผู้เสียหายทั้งสองเดินไปสู่หลุมพรางอันจำเลยทั้งสองกับพวกรวม5 คน ได้ทำกับดักเอาไว้ หลังจากนั้นจึงได้ชักนำผู้เสียหายทั้งสองไปที่บ้านหลังหนึ่งและให้ดื่มน้ำซึ่งผสมสารมึนเมา แล้วนำพาผู้เสียหายทั้งสองไปถอนเงินที่ธนาคาร และขอยืมเงินไปเล่นการพนันกำถั่วจนกระทั่งแพ้การพนันหมดเงินจำนวนดังกล่าว โดยจำเลยทั้งสองกับพวกไม่เคยปริปากพูดถึงเรื่องการเช่าที่ดินดังกล่าวในตอนแรกอีกเลย ซึ่งวิธีการเช่นนี้หากไม่มีการนัดแนะและร่วมกันวางแผนหาหนทางกันมาก่อนผลก็ย่อมจะเกิดขึ้นเป็นลำดับสอดคล้องเช่นนั้นไม่ได้ กรรมจึงเป็นเครื่องชี้เจตนาอันถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้สมคบกับพวกตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ซึ่งมีกำหนดโทษจำคุกไม่เกินสามปี จึงถือว่าจำเลยทั้งสองสมคบกับพวกตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 จำเลยทั้งสองจึงต้องมีความผิดฐานเป็นซ่องโจร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 210, 211 และนับโทษจำเลยทั้งสองต่อจากโทษจำเลยทั้งสองในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 6494/2540 ของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ แต่จำเลยทั้งสองรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยทั้งสองในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับ จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 210 วรรคหนึ่ง ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 3 ปี คดีที่โจทก์มีคำขอให้นับโทษต่อยังมิได้มีคำพิพากษาจึงให้ยก
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีของจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับพวกกระทำการวางแผนเพื่อมาฉ้อโกงทรัพย์ของผู้เสียหายทั้งสองคือ เงินสดจำนวน 1,100,000 บาท ที่ผู้เสียหายที่ 2เบิกมาจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาเชียงราย ไปโดยทุจริตด้วยการใช้เล่ห์เพทุบายขอยืมเงินจำนวนดังกล่าวของผู้เสียหายทั้งสองไปเล่นการพนัน จนผู้เสียหายทั้งสองหลงเชื่อมอบเงินและเสียเงินให้แก่พวกของจำเลยที่ 1 ไป คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2ว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจรตามฟ้องหรือไม่ ซึ่งข้อนี้จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า กรณีนี้ไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 2 หรือจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมปรึกษาหารือกันที่ไหน เมื่อใด และตกลงกันว่าจะกระทำความผิดอย่างไร อันเป็นองค์ประกอบของความผิดข้อหาซ่องโจรนั้น เห็นว่า ผู้เสียหายทั้งสองเบิกความยืนยันต้องกันว่าตอนแรกจำเลยที่ 2 หรือจำเลยทั้งสองได้มาติดต่อขอเช่าที่ดินเพื่อติดตั้งเสารับส่งสัญญาณโทรศัพท์แบบมือถือ จนกระทั่งมีการนัดแนะเพื่อไปทำสัญญาเช่ากับนายจ้างของจำเลยทั้งสองซึ่งจำเลยทั้งสองเรียกว่าเจ๊ หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ได้พานางนก (ไม่ทราบนามสกุล)ซึ่งจำเลยที่ 1 อ้างว่าเป็นรองหัวหน้ามาพบผู้เสียหายทั้งสองและนางนกบอกว่าจะพาผู้เสียหายทั้งสองไปทำสัญญากับเจ๊ แล้วได้นำผู้เสียหายทั้งสองไปที่บ้านหลังหนึ่งที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย จากนั้นให้ผู้เสียหายทั้งสองดื่มน้ำเมื่อผู้เสียหายทั้งสองดื่มน้ำดังกล่าวแล้วมีอาการง่วงซึม พวกของจำเลยทั้งสองจึงพูดคุยกันเรื่องการเล่นการพนันกำถั่วกับเจ๊ และได้นำนายเล็กมาเล่นวิธีโกงการพนันกำถั่วให้ดู ต่อมาจำเลยที่ 2 กับนายเล็กได้หลอกลวงผู้เสียหายที่ 2 ให้ไปถอนเงินจากธนาคารเพื่อให้จำเลยทั้งสองยืมไปเล่นการพนันกับเจ๊ที่โรงแรมฮอลิเดย์ปาร์คตามที่เจ๊นัดแนะไว้โดยสัญญาว่าจะใช้คืนให้ 2 เท่า ต่อมาเมื่อจำเลยทั้งสองไปเล่นการพนันได้ประมาณ10 นาที จำเลยทั้งสองก็เป็นฝ่ายเล่นแพ้ให้เจ๊เอาเงินจำนวน 1,100,000 บาทของผู้เสียหายทั้งสองไปทั้งหมด พฤติการณ์ทั้งหมดดังกล่าวจึงเป็นที่เห็นได้เด่นชัดเพียงพอแล้วว่าจำเลยทั้งสอง นางนก นายเล็ก และผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าเจ๊ได้ร่วมปรึกษาหารือกันมาก่อนเป็นลำดับ โดยให้จำเลยทั้งสองทำทีเป็นเข้าไปขอเช่าที่ดินจากผู้เสียหายทั้งสองเพื่อสร้างความสนิทสนมไว้เบื้องต้นก่อน ซึ่งจะเป็นช่องทางที่จะชักนำผู้เสียหายทั้งสองเดินไปสู่หลุมพรางอันจำเลยทั้งสองกับพวกรวม 5 คน ได้ทำกับดักเอาไว้ หลังจากนั้นจึงได้ชักนำผู้เสียหายทั้งสองไปที่บ้านหลังหนึ่งในอำเภอเทิง และให้ดื่มน้ำซึ่งได้ผสมสารมึนเมา แล้วนำพาผู้เสียหายทั้งสองไปถอนเงินที่ธนาคาร และขอยืมเงินไปเล่นการพนันกำถั่วกับเจ๊ที่โรงแรมฮอลิเดย์ปาร์ค จนกระทั่งแพ้การพนันหมดเงินจำนวนดังกล่าวในเวลารวดเร็วหรือเพียง 10 นาที โดยจำเลยทั้งสองและพวกไม่เคยปริปากพูดถึงเรื่องการเช่าที่ดินดังกล่าวในตอนแรกอีกเลย ซึ่งวิธีการเช่นนี้หากไม่มีการนัดแนะและร่วมกันวางแผนหาหนทางกันมาก่อน ผลก็ย่อมจะเกิดขึ้นเป็นลำดับสอดคล้องเช่นนั้นไม่ได้กรรมจึงเป็นเครื่องชี้เจตนาอันถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้สมคบกับพวกตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งมีกำหนดโทษจำคุกไม่เกินสามปี จึงถือว่าจำเลยที่ 2สมคบกับพวกตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 จำเลยที่ 2 จึงต้องมีความผิดฐานเป็นซ่องโจรตามฟ้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5ที่ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 นั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน