คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2904/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) นั้น ผู้ใดหามีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ไม่ คงมีแต่สิทธิดีกว่าผู้อื่น ซึ่งสิทธิดังกล่าวจะมีอยู่ตลอดเวลาที่ครอบครองเท่านั้น เมื่อผู้ครอบครองให้เช่าที่ดินไปแล้ว สิทธิดีกว่าผู้อื่นก็สิ้นไปโดยผู้เช่าย่อมเป็นผู้มีสิทธิดีกว่าผู้อื่นต่อไปดังนั้น การที่โจทก์ให้ บ. เช่าที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่โจทก์ยึดถือครอบครองไป จึงเป็นการมอบการยึดถือครอบครองให้แก่ บ. โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ยึดถือครอบครองที่ดินดังกล่าวสืบต่อจาก บ. ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองมีกรรมสิทธิ์ที่ดินติดริมคลองลัดตะนง ได้แจ้งการครอบครองไว้เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ. 2519ได้ให้นางบุปผาเช่าที่ดินแปลงดังกล่าวปลูกบ้าน ต่อมานางบุปผาผิดสัญญาเช่าแล้วโอนกรรมสิทธิ์บ้านดังกล่าวให้จำเลย โจทก์แจ้งให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปแต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวและชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประโยชน์โจทก์ไม่มีอำนาจนำที่สาธารณะประโยชน์ไปให้ผู้ใดเช่า จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของถนนลัดตะนง อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) ผู้ใดหามีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ไม่ คงมีแต่สิทธิดีกว่าผู้อื่นซึ่งสิทธิดังกล่าวจะมีอยู่ตลอดเวลาที่ครอบครองเท่านั้นเมื่อผู้ครอบครองให้เช่าที่ดินไปแล้ว สิทธิดีกว่าผู้อื่นก็สิ้นไป โดยผู้เช่าย่อมเป็นผู้มีสิทธิดีกว่าผู้อื่นต่อไป การที่โจทก์ให้นางบุปผาเช่า จึงเป็นการมอบการยึดถือครอบครองให้แก่นางบุปผา โจทก์ไม่ใช่ผู้ยึดถือที่พิพาทอีกต่อไปแล้ว จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ครอบครองที่พิพาทได้
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์.

Share