คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1920/2530

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์มิได้ขอให้นับโทษต่อมาในฟ้องหรือก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น การที่โจทก์ร่วมฎีกาขอให้นับโทษต่อนั้นจึงเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 ดังนั้นโจทก์ร่วมจะมาขอในชั้นฎีกาไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็ครวม 12 ฉบับ และธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสามสำนวนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3(5) ให้เรียกกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 จำคุกกระทงละ 3 เดือน รวม 12 กระทง จำคุก 36 เดือนแต่ให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี ยกคำขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่น โจทก์ร่วมทั้งสามสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีคงฟังเป็นยุติว่า จำเลยกระทำตามฟ้อง คงมีปัญหาว่าควรรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่ เห็นว่าจำเลยออกเช็คหลายฉบับรวมจำนวนเงินถึง 600,000 บาทเศษ จำเลยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด โดยมิได้บรรเทาผลร้ายในการกระทำของจำเลยแต่อย่างใด คดีจึงไม่มีเหตุผลพอเพียงที่จะรอการลงโทษให้จำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจรอการลงโทษให้จำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ร่วมฟังขึ้น แต่คดีที่โจทก์ร่วมขอให้นับโทษต่อนั้น โจทก์มิได้ขอมาในฟ้องหรือก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 โจทก์ร่วมจะมาขอในชั้นฎีกาไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”

Share