แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คำสั่งของศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293 ที่เป็นที่สุด มิได้หมายความเฉพาะคำสั่งที่เกิดจากการวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่มีการกล่าวอ้างในคำร้องขอให้งดการบังคับคดีเท่านั้น แต่รวมถึงคำสั่งที่เกิดจากการที่ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าคำร้องของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ด้วย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลย โดยเห็นว่าจำเลยฟ้องโจทก์เป็นกรณีเดียวกันหาใช่ฟ้องเรื่องอื่นตามมาตรา 293 นั้น ถือได้ว่าเป็นการสั่งตามมาตรา 293 จึงเป็นที่สุด
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินค่าเสียหายตามสัญญาจ้างทำของจำนวน 9,000,000 บาท โดยไม่คิดดอกเบี้ยและค่าปรับจำนวน 5,885,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 950,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่จำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลชั้นต้นโดยขอให้ศาลบังคับให้โจทก์ชำระเงินค่าก่อสร้างงวดที่ 11, 12, 13 และ 14 (บางส่วน) เป็นเงินจำนวน 13,959,035 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งหากจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายชนะคดีก็จะไม่ต้องมีการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 เพราะสามารถนำหนี้ในคดีดังกล่าวมาหักกลบลบหนี้กับหนี้ในคดีนี้ได้ และการงดการบังคับคดีไว้ก่อนก็หาทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด เพราะโจทก์ได้เข้าครอบครองอาคารที่พิพาทแล้ว และโจทก์สามารถบังคับเอาจากหลักประกันที่จำเลยที่ 1 นำมาวางไว้ต่อศาลซึ่งมีราคาสูงถึง 57,662,966 บาท
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ในกรณีเดียวกันหาใช่ฟ้องเรื่องอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 จึงไม่มีเหตุที่จะสั่งงดการบังคับคดี ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่จำเลยที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 1 โดยที่ยังไม่ได้วินิจฉัยเนื้อหาของคำร้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงยังไม่ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 วรรคสาม เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 วรรคสาม บัญญัติไว้ว่า “คำสั่งของศาลตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด” ซึ่งคำว่า คำสั่งของศาลตามมาตรานี้นั้นมิได้หมายความเฉพาะคำสั่งที่เกิดจากการวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่มีการกล่าวอ้างในคำร้องขอให้งดการบังคับคดีเท่านั้น แต่รวมถึงคำสั่งที่เกิดจากการที่ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าคำร้องของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ด้วย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 1 โดยเห็นว่าจำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์เป็นกรณีเดียวกันหาใช่ฟ้องเรื่องอื่นตามมาตรา 293 นั้น ถือได้ว่าเป็นการสั่งตามมาตรา 293 ดังกล่าวแล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงเป็นที่สุด จำเลยที่ 1 ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์ต่อมา ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 จึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ