แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้ร้องทั้งสองเป็นเจ้าของเรือนไม้ 2 หลังในจำนวนเรือนไม้3 หลัง ที่จำเลยทำสัญญาขายฝากโจทก์ โดยขออาศัยปลูกอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่าจากบุคคลภายนอก และมิได้รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยนำไปขายฝากผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ใช่บริวารของจำเลย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากเรือนไม้ชั้นเดียวสามหลัง ซึ่งจำเลยผู้ขายฝากมิได้ไถ่คืนภายในกำหนด และให้ใช้ค่าเสียหาย โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า โจทก์ยอมให้จำเลยไถ่ถอนการขายฝากเป็นเงิน 70,000 บาท โดยผ่อนชำระเป็นงวดตามที่กำหนดไว้ ถ้าผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งจำเลยและบริวารยอมออกไปจากบ้านพิพาท นอกนี้จำเลยยอมโอนสิทธิการเช่าที่ดินซึ่งปลูกบ้านพิพาทให้โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาและออกคำบังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว ต่อมาจำเลยผิดนัด โจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยและบริวาร ศาลชั้นต้นหมายเรียกจำเลยมาสอบถามจำเลยแถลงว่าขอเวลา 15 วัน ส่วนผู้อื่นที่อยู่ในบ้านพิพาทให้โจทก์จัดการเอง ศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมาโจทก์ขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อจัดการให้จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีและหมายจับบริวารจำเลยรวม 12 คนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับผู้ร้องมาศาลตามหมายจับ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าไม่ใช่บริวารจำเลย ขอให้ยกเลิกการบังคับแก่ผู้ร้อง โจทก์คัดค้านว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลย ขอให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกเลิกการบังคับขับไล่ผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ขับไล่ผู้ร้องทั้งสองออกจากบ้านพิพาท ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาผู้ร้องทั้งสองว่าผู้ร้องทั้งสองเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าแม้หลักฐานเบื้องต้นจะฟังได้ว่าบ้านที่ผู้ร้องทั้งสองพักอาศัยอยู่เป็นเรือนไม้ 2 หลัง ในจำนวนเรือนไม้ 3 หลัง ที่จำเลยทำสัญญาขายฝากโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.1 แต่ในการไต่สวนคำร้อง ปรากฏจากคำเบิกความของผู้ร้องทั้งสองอ้างตนเองเป็นพยานว่าผู้ร้องทั้งสองเป็นเจ้าของเรือนไม้ 2 หลัง ในจำนวน 3 หลัง ที่จำเลยนำไปขายฝากโดยขออาศัยปลูกอยู่ในที่ดินซึ่งจำเลยเช่าจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ประมาณ 30 ปีแล้ว และมิได้รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยนำไปขายฝาก โจทก์มิได้นำสืบหักล้างให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงมีน้ำหนักฟังได้ตามที่ผู้ร้องทั้งสองนำสืบ สภาพของบ้านพิพาทตามที่ศาลชั้นต้นได้ไปเผชิญสืบก็ปรากฏว่าครัวและส้วมตลอดจนทางเข้าออกแยกต่างหากจากกันเป็นสองครอบครัว ผู้ร้องทั้งสองมิได้อาศัยบ้านของจำเลย เพียงแต่ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่าจากบุคคลภายนอกอันเป็นเรื่องนอกเหนือคำบังคับในคดีนี้ ผู้ร้องทั้งสองจึงมิใช่บริวารของจำเลยในคดีนี้ ฎีกาผู้ร้องทั้งสองฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับตามคำสั่งของศาลชั้นต้น