คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2892/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยระบุจำนวนเงินได้ถูกต้อง แต่ระบุประเภทของเงินได้ผิด ทำให้จำนวนภาษีที่โจทก์คำนวณไว้ผิดไปด้วย จึงถือว่าโจทก์แสดงรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตรงความเป็นจริงหรือไม่บริบูรณ์เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกโจทก์มาไต่สวนแล้วประเมินภาษีอากรให้ถูกต้องได้ตามมาตรา 19 และ 20 แห่งประมวลรัษฎากร โดยไม่จำเป็นต้องประเมินภาษีอากรของโจทก์ทันทีตามมาตรา 18.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและชำระภาษีโดยถูกต้องแล้ว แต่จำเลยที่ 2 ได้ประเมินภาษีอากรของโจทก์โดยไม่ถูกต้อง จึงฟ้องขอให้ยกคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และบังคับให้จำเลยคืนเงินภาษีอากรที่โจทก์จำต้องชำระไปตามที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนดแล้วประเมินภาษีอากรของโจทก์เสียใหม่
จำเลยทั้งห้าให้การว่า เจ้าพนักงานของจำเลยตรวจพบว่าโจทก์ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีไม่ถูกต้องหรือไม่บริบูรณ์จำเลยที่ 2 จึงออกหมายเรียกโจทก์มาไต่สวนแล้วประเมินภาษีเงินได้ของโจทก์ใหม่โดยถูกต้องแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 หรือที่ 2 ประเมินภาษีของโจทก์เสียใหม่ และคืนเงินที่รับไปแล้วแก่โจทก์
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จำนวนเงินได้ที่โจทก์แสดงไว้ในแบบ ภ.ง.ด.9 จะเป็นจำนวนเงินที่ถูกต้องก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ระบุประเภทของเงินได้ผิดไปย่อมทำให้จำนวนภาษีที่โจทก์คำนวณไว้ในแบบ ภ.ง.ด.9 นั้นผิดไปด้วย กรณีจึงถือว่าโจทก์แสดงรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่บริบูรณ์ ซึ่งเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกโจทก์มาไต่สวนแล้วประเมินภาษีอากรของโจทก์ให้ถูกต้องได้ตามมาตรา 19 และ 20 แห่งประมวลรัษฎากร จำเลยไม่จำเป็นต้องประเมินภาษีอากรของโจทก์ทันทีตามมาตรา 18 ทั้ง ๆ ที่โจทก์ยังแสดงรายการไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่บริบูรณ์ดังกล่าวการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share