คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6816/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แบบพิมพ์คำร้องขอให้รับรองอุทธรณ์และแบบพิมพ์ท้ายอุทธรณ์ของโจทก์มีข้อความว่า “ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบ” ซึ่งคำร้องและอุทธรณ์ดังกล่าวศาลมีคำสั่งในวันที่โจทก์ยื่น คือ วันที่ 1 เมษายน 2559 จึงต้องถือว่าโจทก์ทราบคำสั่งศาลในวันที่ยื่นแล้ว ส่วนที่ในคำร้องและอุทธรณ์มีข้อความเพิ่มเติมว่า “ให้มาทราบคำสั่งทุก 7 วัน ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งโดยชอบแล้ว” นั้น มีความหมายว่า หากศาลมิได้มีคำสั่งในวันยื่นนั้นเลย ให้เป็นหน้าที่ของผู้ยื่นต้องมาทราบคำสั่งทุก 7 วัน กรณีของโจทก์จึงต้องถือว่าได้ทราบคำสั่งศาลในวันยื่นคำร้องและอุทธรณ์แล้ว ดังนั้น เมื่อโจทก์มายื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นในวันที่ 20 เมษายน 2559 จึงเป็นการยื่นเมื่อพ้นกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันทราบคำสั่ง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 198 ทวิ วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 187, 350, 83 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ พร้อมยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ ผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ข้อความที่ตัดสินนั้นไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์ และไม่อนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ความว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ เนื่องจากผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีไม่อนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงขอให้ส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์พร้อมอุทธรณ์ของโจทก์ไปยังศาลอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ยื่นพ้นกำหนด แต่ให้รวบรวมส่งศาลอุทธรณ์โดยเร็ว
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2559 และตามแบบพิมพ์ท้ายอุทธรณ์มีข้อความว่า “รอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว” ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ในวันนั้นเอง จึงถือว่าโจทก์ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นในวันนั้นแล้ว โจทก์จะต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ภายในสิบห้าวันนับแต่วันทราบคำสั่งศาลชั้นต้น คือ ภายในวันที่ 16 เมษายน 2559 แต่เนื่องจากวันดังกล่าวเป็นวันเสาร์อันเป็นวันหยุดราชการ โจทก์มีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ในวันที่ 18 เมษายน 2559 ซึ่งเป็นวันเปิดทำการวันแรก เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ในวันที่ 20 เมษายน 2559 จึงพ้นกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันทราบคำสั่งศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 โจทก์จะอ้างว่าทราบคำสั่งศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2559 เพื่อเป็นเหตุให้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเมื่อพ้นกำหนดดังกล่าวแล้วไม่ได้ คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกคำร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์โดยวินิจฉัยว่ายื่นเมื่อพ้นกำหนดสิบห้าวันนับแต่ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า โจทก์ทราบคำสั่งเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2559 และยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ในวันที่ 20 เมษายน 2559 จึงยังไม่พ้นกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ วรรคหนึ่ง นั้น เห็นว่า ตามแบบพิมพ์คำร้องขอให้รับรองอุทธรณ์และแบบพิมพ์ท้ายอุทธรณ์ของโจทก์มีข้อความว่า “ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบ” ซึ่งคำร้องและอุทธรณ์ดังกล่าวศาลมีคำสั่งในวันที่โจทก์ยื่น คือ วันที่ 1 เมษายน 2559 จึงต้องถือว่าโจทก์ทราบคำสั่งศาลในวันที่ยื่นแล้ว ส่วนที่ในคำร้องและอุทธรณ์มีข้อความเพิ่มเติมว่า “ให้มาทราบคำสั่งทุก 7 วัน ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งโดยชอบแล้ว” นั้น มีความหมายว่า หากศาลมิได้มีคำสั่งในวันยื่นนั้นเลย ให้เป็นหน้าที่ของผู้ยื่นต้องมาทราบคำสั่งทุก 7 วัน กรณีของโจทก์จึงต้องถือว่าได้ทราบคำสั่งศาลในวันยื่นคำร้องและอุทธรณ์แล้ว ดังนั้น เมื่อโจทก์มายื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นในวันที่ 20 เมษายน 2559 จึงเป็นการยื่นเมื่อพ้นกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันทราบคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งและให้ยกคำร้องของโจทก์จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share