แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยอ้างว่ามีภูมลำเนาอยู่ ณ บ้านที่ปรากฏตามสำเนาทะเบียนบ้าน ซึ่งไม่ใช่บ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้อง แต่ตามนามบัตรที่จำเลยพิมพ์ไว้ใช้เองระบุว่าบ้านตามสำเนาทะเบียนบ้านเป็นสำนักงานของจำเลยและบ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัย ทั้งเมื่อพนักงานเดินหมายนำส่งหมายต่าง ๆ ให้แก่จำเลยที่บ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาในคำฟ้อง แม้บุคคลในบ้านไม่ยอมรับหมายไว้แทนจนต้องปิดหมายไว้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ ดังนั้นจึงถือได้ว่าจำเลยมีภูมิลำเนาหลายแห่ง ซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไป บ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องเป็นภูมิลำเนาแห่งหนึ่งของจำเลย พนักงานเดินหมายนำส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้อง และหมายนัดสืบพยานโจทก์ตามคำสั่งศาลชอบแล้ว จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และไม่ไปศาลในวันสืบพยาน ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง
จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่า ไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ดังที่ระบุในคำฟ้อง เจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปยังบ้านที่ไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลยเป็นการไม่ชอบ จำเลยไม่ทราบฟ้อง ไม่ได้จงใจขาดนัด คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ถูกต้อง เพราะเช็คไม่มีมูลนี้
โจทก์ไม่แถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำขอให้พิจารณาใหม่
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้หรือไม่ ปัญหานี้แม้จำเลยจะมีสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย ล.๑ มาแสดงว่า ขณะที่จำเลยถูกโจทก์ฟ้อง จำเลยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ ๕๓๕ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานครก็ตาม แต่โจทก์ก็ส่งอ้างนามบัตรเอกสารหมายเลข จ.๕ เป็นพยาน ในนามบัตรดังกล่าวนอกจากจะมีชื่อและตำแหน่งหน้าที่ราชการของจำเลยพิมพ์ไว้แล้ว ในนามบัตรยังพิมพ์บอกบ้านที่อยู่ และสำนักงานของจำเลยไว้ด้วย ปรากฏว่าบ้านเลขที่ ๕๓๕ แขวงพญาไท เขตพญาไท ที่จำเลยอ้างว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยนั้น ตามนามบัตรเป็นเพียงสำนักงานของจำเลย ส่วนบ้านที่อยู่อาศัยจริง ๆ ตามนามบัตรคือบ้านเลขที่ ๔/๔ ซอยสหกรณ์ ๔ ถนนสุขาภิบาล ๒ เขตบางกะปิ ที่โจทก์ระบุในฟ้องนั่นเอง นอกจากนี้ตามนามบัตรได้ระบุหมายเลขโทรศัพท์สถานที่ราชการ โทรศัพท์ที่ใช้ในสำนักงานและที่บ้านทั้งสามแห่ง โดยเฉพาะโทรศัพท์หมายเลข ๓๙๔๕๒๑๑ จำเลยรับว่าเป็นโทรศัพท์ที่ที่ทำงานของจำเลย โทรศัพท์หมายเลข ๒๕๑๙๐๙๐ จำเลยก็ว่าตรงกับหมายเลขโทรศัพท์ที่บ้านเลขที่ ๕๓๕ แขวงพญาไท เขตพญาไท ซึ่งเป็นสำนักงานของจำเลยไม่เชื่อว่าจะมีใครแกล้งพิมพ์นามบัตรนี้ไว้ใช้ นอกจากจำเลยพิมพ์ไว้ใช้เองได้ความว่า เมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๒๖ พนักงานเดินหมายกรมบังคับคดีไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่บ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาในคำฟ้อง พบชายคนหนึ่งอยู่ในบ้าน วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๒๗ ไปส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ พบหญิงคนหนึ่งอยู่ในบ้านไม่ยอมรับหมายไว้แทนจำเลยพนักงานเดินหมายได้ทำการปิดหมายไว้ทั้งสองครั้งก็ไม่มีใครปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นทีอยู่หลายแห่ง ซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไปบ้านเลขที่ ๔/๔ ซอยสหกรณ์ ๔ ถนนสุขาภิบาล๒ เขตบางกะปิ ที่ระบุในคำฟ้องจึงเป็นภูมิลำเนาแห่งหนึ่งของจำเลย พนักงานเดินหมายไปทำการปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง และปิดหมายนัดสืบพยานโจทก์ตามคำสั่งศาล จึงถือได้ว่าได้ส่งหมายนั้น ๆ ให้แก่จำเลยโดยชอบ จำเลยรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแล้วไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด รับหมายนัดสืบพยานโจทก์แล้วไม่ไปศาลในวันสืบพยาน ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจจำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้
พิพากษายืน.