แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ตรวจสอบว่าโรงเรือนใดจะต้องเสียภาษี เมื่อตรวจพบโรงเรือนที่จะต้องเสียภาษ๊แล้วละเว้นไม่รายงานต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินการเรียกเก็บภาษี และโดยทุจริตได้เรียกเอาทรัพย์เป็นค่าตอบแทนจากผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีนั้น เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 154
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานเทศบาลนครกรุงเทพ ทำหน้าที่เป็นพนักงานตรวจสอบและเรียกเก็บภาษีโรงเรือนภายในเขตตำบลปทุมวัน และลุมพินี เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๐๕ เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจละเว้นไม่ตรวจสอบและเรียกเก็บภาษีโรงเรือนบ้านเลขที่ ๕๕/๑๑ ซอยปลูกจิตร ตำบลลุมพินี อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนครจากร้อยตรีมั่น ศิริจรรยา เจ้าของบ้านโดยทุจริต และจำเลยบังอาจใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจร้อยตรีมั่น ศิริจรรยา ให้มอบเงิน ๕๐๐ บาท แก่จำเลยในการที่จำเลยละเว้นไม่ตรวจสอบและเรียกเก็บภาษีโรงเรือนดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๘,๑๔๙,๑๕๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยได้เรียกและรับเช็คเงิน ๕๐๐ บาทไปจากผู้เสียหายจริง แต่จำเลยไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่หรือแสดงตนว่ามีตำแหน่งหน้าที่ตรวจสอบและเรียกเก็บภาษี เมื่อข้อเท็จจริงทางพิจารณาได้ความต่างกับฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากกลับให้ลงโทษจำคุกจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๔ มีกำหนด ๔ ปี ริบเช็คเงิน ๕๐๐ บาทของกลาง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานเทศบาล มีหน้าที่ตรวจสอบว่าในเขตตำบลนั้นมีบ้านเรือนหลังใดที่ต้องเสียภาษีโรงเรือนประเภทที่ให้เช่าหรือที่ให้คนอื่นอยู่อาศัยซึ่งไม่ว่าผู้อาศัยนั้นจะเป็นบุตรหรือบิดามารดาก็ต้องเสียภาษีเงิน ภ.ง.ด.๒ เมื่อตรวจสอบแล้วจำเลยมีหน้าที่แนะนำผู้ที่ต้องเสียภาษียื่นแบบประเมินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อไป เมื่อเจ้าพนักงานประเมินค่าภาษีแล้วจำเลยก็นำใบแจ้งเก็บภาษีไปให้ผู้ต้องเสียภาษีนั้น จำเลยไม่มีหน้าที่เรียกเก็บภาษีโรงเรือนเอง แต่ถ้าเมื่อจำเลยตรวจสอบพบว่าบ้านเรือนใดหลบหลีกแล้วไม่จัดการเพื่อให้มีการเรียกเก็บภาษี ก็ทำให้เทศบาลขาดประโยชน์รายได้ไป
โรงเรือนเลขที่ ๕๕/๑๑ ซึ่งตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลลุมพินี ที่พึงต้องเสียภาษีโรงเรือนมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๙ จำเลยรับราชการเป็นพนักงานเทศบาลมีหน้าที่ดังกล่าวแล้วมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๘ แต่จำเลยไม่เคยรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ดังนี้ แม้จะปรากฎว่าจำเลยเองไม่มีหน้าที่เรียกหรือเก็บภาษีอากรประเภทนี้ แต่จำเลยก็มีหน้าที่ตรวจสอบว่าโรงเรือนใดจะต้องเสียภาษีหรือไม่ ครั้นจำเลยตรวจพบว่าบ้านเลขที่ ๕๕/๑๑ ควรต้องเสียภาษี แต่จำเลยละเว้นไม่รายงานต่อเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการเรียกเก็บภาษี โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตเรียกเอาเงินค่าตอบแทนจากผู้มีหน้าที่จะต้องเสียภาษี การกระทำของจำเลยย่อมต้องด้วยบทบัญญัติของประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๔ เพราะถึงหากจำเลยไม่มีหน้าที่เรียกหรือเก็บภาษี จำเลยก็ยังเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ตรวจสอบภาษีอากร เมื่อจำเลยละเว้นไม่กระทำการเพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรนั้นต้องเสียภาษีโดยทุจริต เพราะเรียกเอาทรัพย์เป็นค่าตอบแทน จำเลยจึงจะพ้นผิดไปไม่ได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย