คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญาซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลย โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุก โดยจำเลยมิได้อุทธรณ์นั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง ย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจรื้อถอนเสาไม้คอกกระบือ ทำให้คอกกระบือของนางพร ศุภสิงห์ เสียหายคิดเป็นเงิน 250 บาท

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ให้ปรับจำเลย 200 บาท

ผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

อัยการโจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า รูปคดีฟังได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาที่จะกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ร่วมฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว จำเลยมิได้อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิพากษาเป็นคุณแก่จำเลย ข้อนี้เห็นว่าฟังไม่ขึ้น เพราะคดีนี้เป็นคดีอาญา เมื่อมีการอุทธรณ์และศาลเห็นว่าคดีลงโทษจำเลยไม่ได้แล้ว ศาลก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้

เห็นว่าพยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้ พิพากษายืน

Share