แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญาซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลย โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุก โดยจำเลยมิได้อุทธรณ์นั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง ย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจรื้อถอนเสาไม้คอกกระบือ ทำให้คอกกระบือของนางพร ศุภสิงห์ เสียหายคิดเป็นเงิน 250 บาท
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ให้ปรับจำเลย 200 บาท
ผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
อัยการโจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า รูปคดีฟังได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาที่จะกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ร่วมฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว จำเลยมิได้อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิพากษาเป็นคุณแก่จำเลย ข้อนี้เห็นว่าฟังไม่ขึ้น เพราะคดีนี้เป็นคดีอาญา เมื่อมีการอุทธรณ์และศาลเห็นว่าคดีลงโทษจำเลยไม่ได้แล้ว ศาลก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้
เห็นว่าพยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้ พิพากษายืน