คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองผิดสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิเรียกรถคืนโดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อซึ่งกฎหมายไม่ได้กำหนดอายุความเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 หรือเรียกคืนรถโดยใช้สิทธิในฐานะเรียกทรัพย์สินคืนจากผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความเรียกคืนทรัพย์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 แล้วแต่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จะเลือกฟ้อง โดยอาศัยมูลหนี้ใดที่เป็นประโยชน์แก่ตน เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยทั้งสองคืนรถที่เช่าซื้อหรือหากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทน จึงเป็นการฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. 193/30

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 300,000 บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์เป็นเงิน 1,830,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 2,130,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และค่าเสียหายต่อไปอีกเดือนละ 15,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถคืนหรือใช้ราคาแทนจนเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายเพียงข้อเดียวว่า ฟ้องโจทก์ที่ขอให้จำเลยทั้งสองคืนทรัพย์ที่เช่าซื้อขาดอายุความหรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์มาว่าการฟ้องเรียกรถคืนเป็นการฟ้องเรียกทรัพย์สินคืนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิยึดถือไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความเรียกคืนทรัพย์ ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ เห็นว่า ในกรณีที่จำเลยทั้งสองผิดสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิเรียกรถคืนโดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อซึ่งกฎหมายไม่ได้กำหนดอายุความเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 หรือเรียกคืนรถโดยใช้สิทธิในฐานะเจ้าของเรียกทรัพย์สินคืนจากผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความเรียกคืนทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 แล้วแต่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จะเลือกฟ้อง โดยอาศัยมูลหนี้ใดที่เป็นประโยชน์แก่ตน เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยทั้งสองคืนรถที่เช่าซื้อหรือหากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทน จึงเป็นการฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 9 ซึ่งมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 ส่วนที่โจทก์อ้างในอุทธรณ์ว่า การฟ้องเรียกให้จำเลยส่งมอบทรัพย์ตามสัญญาเช่าซื้อที่เลิกกันแล้วนั้นคืนแก่โจทก์และหากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์สินคืนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิที่จะยึดถือทรัพย์สินอีกต่อไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ซึ่งศาลฎีกาได้ตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้บรรยายในฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิติดตามเอารถคืนจากจำเลยได้อันเป็นการใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยและพิพากษามานั้นจึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย เมื่อข้อเท็จจริงฟังยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า สัญญาเช่าซื้อเลิกกันในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2535 สิทธิเรียกร้องของโจทก์มีขึ้นนับแต่วันดังกล่าว โจทก์มาฟ้องคดีนี้วันที่ 7 มีนาคม 2546 เกินกว่า 10 ปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share