คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5746/2553

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ใบกำกับการส่งสินค้าหรือใบเสร็จรับเงินซึ่งองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์จำเลยที่ 2 ออกให้แก่ลูกจ้างของโจทก์ที่นำสินค้ามาส่ง มีข้อความจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 และลูกจ้างของโจทก์ได้ลงลายมือชื่อในช่องผู้ส่งสินค้าไว้ด้วย แต่เอกสารดังกล่าวด้านหน้าตอนท้าย ของเอกสารดังกล่าวเพียงแต่มีข้อความตอนหนึ่งระบุว่า การส่งสินค้าควรประเมินราคาเพื่อประโยชน์ของท่านเอง และอีกตอนหนึ่งว่า โปรดสังเกตเงื่อนไขในการว่าจ้าง ร.ส.พ. ขนส่งสินค้าอยู่ด้านหลังนี้ ซึ่งด้านหลังของเอกสารดังกล่าวเป็นเงื่อนไขการว่าจ้างร.ส.พ.ขนส่งสินค้าและมีเงื่อนไขตอนหนึ่งระบุว่าการขนส่งพัสดุภัณฑ์อื่นๆ นอกจากที่ระบุไว้ในข้อ ก.และ ข. ผู้ส่งหรือผู้ว่าจ้างยินยอมให้ ร.ส.พ. ชดใช้ค่าเสียหายตามราคาที่เสียหายจริงแต่ไม่เกินวงเงิน 5,000 บาท ต่อเอกสารการขนส่ง 1 ฉบับ ข้อความด้านหน้าตอนท้ายของเอกสารดังกล่าวเป็นแต่เพียงคำเตือนหรือคำแนะนำให้ผู้ส่งสินค้าปฏิบัติ ไม่มีลักษณะเป็นข้อตกลงที่ชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดระหว่างผู้ขนส่งและผู้ส่งจึงเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 625 สินค้าประเภทกระดาษอัดรูปและฟิลม์สีที่โจทก์ว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ขนส่งมีราคาสูง แต่ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นของมีค่าอย่างอื่นตามความหมายแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 620 วรรคหนึ่ง โจทก์จึงไม่จำต้องบอกราคาหรือสภาพแห่งของไว้ในขณะที่ส่งมอบแก่จำเลยที่ 2 ดังนั้น จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ในราคาสินค้าที่แท้จริงซึ่งเสียหายตาม ป.พ.พ. มาตรา 61

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องโจทก์ตกลงว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม ขนส่งสินค้ารวม 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2545 ให้ขนส่งกระดาษอัดรูป 30 ม้วน ราคา 87,000 บาท ค่าจ้างรับขนส่งเป็นเงิน 460 บาท ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่21 กุมภาพันธ์ 2545 ให้ขนส่งกระดาษอัดรูป 10 ม้วน ฟิล์มสีโกดักโกล 100 จำนวน 200 ม้วน และฟิล์มสีโกดักโกล 200 จำนวน 800 ม้วน ราคา 107,700 บาท ค่าจ้างรับขนส่งเป็นเงิน 290 บาท ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545 ให้ขนส่งกระดาษอัดรูป 20 ม้วน ราคา 59,000 บาท ค่าจ้างรับขนส่งเป็นเงิน270 บาท ซึ่งโจทก์ได้ชำระค่าจ้างรับขนส่งแล้วในวันทำสัญญา ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2545 โจทก์ได้รับแจ้งจากลูกค้าว่ายังไม่ได้รับสินค้า โจทก์สอบถามจำเลยที่ 2 แล้ว ทราบว่ารถยนต์บรรทุกสินค้าของจำเลยที่ 2 คว่ำที่จังหวัดเชียงใหม่โดยจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ควบคุมและขับรถยนต์บรรทุก ร.ส.พ.รถ. 2410 ทะเบียนเลขที่ 71 – 7496 กรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ในครอบครองของจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 บรรทุกสินค้าที่รับขนส่งจากจังหวัดขอนแก่นไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดะระวังเป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกสินค้าพลิกคว่ำ ทำให้สินค้าที่โจทก์ว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ขนส่งชำรุดเสียหายเป็นเงิน 241,900 บาท จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 241,900 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการกระทำละเมิด คือวันที่ 1 มีนาคม 2545 จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 18,043 บาทขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน 259,943 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 241,900 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างและไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งหรือทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โจทก์ตกลงทำสัญญาให้จำเลยที่ 2 รับขนส่งสินค้าแบบธรรมดาโดยไม่ประเมินราคา เมื่อสินค้าโจทก์ได้รับความเสียหายจากรถยนต์ที่บรรทุกสินค้าเกิดอุบัติเหตุ จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเพียง 5,000 บาท ต่อเอกสาร 1 ฉบับ รวม 3 ฉบับ เป็นเงิน 15,000 บาท และโจทก์ได้รับคืนสินค้าฟิล์มสีโกดักเบอร์ 100 และเบอร์ 200 จำนวน 190 ม้วน และ 620 ม้วนที่อยู่ในสภาพใช้การได้ดีไปแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 259,943 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 241,900 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2546) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 9,000 บาท
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดชดใช้เงินเพียงจำนวน 15,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 มีนาคม 2545 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลประเภทรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคม มีวัตถุประสงค์ให้บริการแก่รัฐและประชาชนในการขนส่ง จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างทำหน้าที่ขับรถยนต์บรรทุก ร. ส. พ. รถ. 2410 หมายเลขทะเบียน 71 – 7496 กรุงเทพมหานคร ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 รับจ้างโจทก์ขนส่งสินค้าประเภทกระดาษอัดรูปและฟิล์มถ่ายรูป 3 ครั้ง รวมราคาสินค้า 241,900 บาท ตามใบกำกับการส่งสินค้าหรือใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย ล.4 ถึง ล.6 หรือ จ.2 จ. 4 และ จ.6 จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวเพื่อนำสินค้าของโจทก์ไปส่งให้แก่ลูกค้าที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วยความประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกพลิกคว่ำ สินค้าของโจทก์ได้รับความเสียหายทั้งหมด คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เพียงใด โจทก์นำสืบว่า โจทก์ว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ขนส่งสินค้าประเภทกระดาษอัดรูปและฟิล์มถ่ายรูปไปส่งให้แก่ลูกค้าที่จังหวัดเชียงใหม่โดยไม่ทราบว่ามีข้อจำกัดความรับผิดในกรณีสินค้าได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามราคาสินค้าที่แท้จริงซึ่งได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2 นำสืบว่า โจทก์ว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ขนส่งสินค้าแบบไม่ประเมินราคาสินค้า เมื่อสินค้าได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายไม่เกิน 5,000 บาท ต่อเอกสารการขนส่ง 1 ฉบับ ซึ่งเป็นข้อจำกัดความรับผิดตามที่ปรากฏในใบกำกับการส่งสินค้าหรือใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย ล.4 ถึง ล.6 หรือ จ.2 จ.4 และ จ.6 และระเบียบของจำเลยที่ 2 ว่าด้วยการรับส่งพัสดุภัณฑ์ พ.ศ.2533 เอกสารหมาย ล.8 เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 625 บัญญัติว่า “ใบรับ ใบตราส่ง หรือเอกสารอื่น ๆ ทำนองนั้นก็ดี ซึ่งผู้ขนส่งออกให้แก่ผู้ส่งนั้น ถ้ามีข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งประการใด ท่านว่าความนั้นเป็นโมฆะ เว้นแต่ผู้ส่งจะได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดเช่นว่านั้น” คดีนี้แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่า ตามใบกำกับการส่งสินค้าหรือใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย ล.4 ถึง ล.6 หรือ จ.2 จ.4 และ จ.6 ซึ่งจำเลยที่ 2 ออกให้แก่ลูกจ้างของโจทก์ที่นำสินค้ามาส่งมีข้อความจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 และลูกจ้างของโจทก์ได้ลงลายมือชื่อในช่องผู้ส่งสินค้าไว้ด้วยก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาเอกสารดังกล่าวแล้ว เอกสารดังกล่าวด้านหน้าตอนท้ายเพียงแต่มีข้อความตอนหนึ่งระบุว่า การส่งสินค้าควรประเมินราคาเพื่อประโยชน์ของท่านเอง และอีกตอนหนึ่งว่า โปรดสังเกตเงื่อนไขในการว่าจ้าง ร. ส. พ. ขนส่งสินค้าอยู่ด้านหลังนี้ ซึ่งด้านหลังของเอกสารดังกล่าวเป็นเงื่อนไขการว่าจ้าง ร. ส. พ. ขนส่งสินค้า และมีเงื่อนไขตอนหนึ่งระบุว่า ข้อ 7 ค. การขนส่งพัสดุภัณฑ์อื่น ๆ นอกจากที่ระบุไว้ในข้อ ก และ ข ผู้ส่งหรือผู้ว่าจ้างยินยอมให้ ร. ส. พ. ชดใช้ค่าเสียหายตามราคาที่เสียหายจริง แต่ไม่เกินวงเงิน 5,000 บาท ต่อเอกสารการขนส่ง 1 ฉบับ จะเห็นได้ว่าข้อความด้านหน้าตอนท้ายของเอกสารดังกล่าวเป็นแต่เพียงคำเตือนหรือคำแนะนำให้ผู้ส่งสินค้าปฏิบัติ ไม่มีลักษณะเป็นข้อตกลงที่ชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดระหว่างผู้ขนส่งและผู้ส่ง ข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 ตามเอกสารดังกล่าวจึงเป็นโมฆะตามมาตรา 625 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยที่ 2 เองก็ตระหนักถึงความข้อนี้ดังจะเห็นได้จากทางนำสืบของโจทก์ว่า หลังจากเกิดเหตุจำเลยที่ 2 เปลี่ยนแปลงวิธีการปฏิบัติงานโดยพนักงานของจำเลยที่ 2 สาขาขอนแก่นจะประทับข้อความในใบเสร็จรับเงินด้วยหมึกสีแดงว่า ” สินค้าไม่ประเมินราคาตามระเบียบ ร. ส. พ. จะชดใช้ไม่เกิน 5,000 บาท” แล้วให้ผู้ส่งลงลายมือชื่อรับทราบตามใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.9 จำเลยที่ 2 จึงไม่อาจอ้างข้อความตามใบกำกับการส่งสินค้าหรือใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย ล.4 ถึง ล.6 หรือ จ.2 จ.4 และ จ.6 มาเป็นข้อจำกัดความรับผิดต่อโจทก์ได้ อีกทั้งระเบียบของจำเลยที่ 2 ว่าด้วยการรับส่งพัสดุภัณฑ์ พ.ศ.2533 เอกสารหมาย ล.8 ซึ่งเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการจำกัดความรับผิดในกรณีที่สินค้าของผู้ส่งได้รับความเสียหายก็เป็นเพียงระเบียบภายในของจำเลยที่ 2 เอง ไม่อาจใช้อ้างต่อบุคคลภายนอกเพื่อจำกัดความรับผิดได้ และแม้สินค้าที่โจทก์ว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ขนส่งมีราคาสูง แต่ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นของมีค่าอย่างอื่นตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 620 วรรคหนึ่ง โจทก์จึงไม่จำต้องบอกราคาหรือสภาพแห่งของไว้ในขณะที่ส่งมอบแก่จำเลยที่ 2 ดังนั้น จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ในราคาสินค้าที่แท้จริงซึ่งเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ

Share